เสพศิลปะเก่าแก่อินเดียใต้…ผ่านเทวรูปที่พาหุรัด
ถ้าใครเป็นสายชอบเสพงานศิลปะโบราณๆ โดยเฉพาะประติมากรรมสไตล์อินเดีย นอกเหนือจากพิพิธภัณฑสถานแล้ว เราอยากแนะนำให้ลองไปเดินเซอร์เวย์ตามร้านเทวรูปที่พาหุรัด!!!
ใช่แล้ว! อ่านไม่ผิด เราสามารถศึกษาศิลปะโบราณจากของที่ไม่โบราณได้ แถมบางทียังจะได้ติดไม้ติดมือมาในราคาที่จับต้องได้ด้วยนะ
อันที่จริงถ้าบอกว่า “เทวรูปที่พาหุรัด” ก็อาจจะดูกว้างไปหน่อย
งั้นเราจะขอเจาะจงเข้ามาอีกนิด จริงๆเทวรูปที่พาหุรัดก็มีอยู่หลายเวอร์ชั่นแหละ
มีที่ผลิตในไทยบ้าง เนปาล ธิเบตบ้างประปราย แต่แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่มาจากอินเดีย
อินเดียก็เป็นประเทศใหญ่เนอะก็มีจากหลายภูมิภาคอีก
เท่าที่เราสังเกตนะถ้าสไตล์อินเดียเหนือ มักจะเป็นแนวหินอ่อนสีขาวๆ
ปางต่างๆของเทพจะมีไม่มากมายเกินกว่าการนั่งยืน
ในที่นี้เราจะขอโฟกัสที่ “ศิลปะอินเดียใต้”
เราจะสังเกตจุดเด่นได้คือเป็นงานทองเหลืองที่ องค์เทพจะไม่ได้มีลักษณะมีกายวิภาคแบบมนุษย์อย่างที่งานไทยส่วนใหญ่ทำ(มีมัดกล้ามเนื้อแบบมนุษย์) แต่จะมีการตัดทอนรูปร่างที่มีลักษณะเฉพาะตัว อ่อนช้อย มีลวดลายขนาดใหญ่และค่อนข้างชัดเจน
แล้วทำไมถึงบอกว่าเป็นลักษณะของศิลปะโบราณ?
ก็เพราะเทวรูปที่ผลิตจากจากอินเดียใต้ส่วนมากยังคงยึดลักษณะทางประติมานวิทยา และกระบวนวิธีการตามแบบฉบับโบราณมาเป็นพันปีเป๊ะๆเลยไง!!!
ถ้าย้อนกลับไปสมัยอินเดีย(ใต้)โบราณ ยุคที่มีความรุ่งเรืองด้านศิลปะ และมีการสร้างเทวรูปด้วยโลหะ อย่างสำริด และทองเหลือง ก็จะเป็นในสมัย “ราชวงศ์โจฬะ” (The Cholas)…เทวรูปทองเหลืองศิลปะอินเดียใต้ที่เราเห็นๆกันก็เลยยึดรูปแบบของศิลปะโจฬะ มานี่ล่ะน้า
ซึ่งราชวงศ์โจฬะ ที่ว่านี้ รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 9-13(ราวๆ 1120 ปีมาแล้ว) ปกครองอยู่แถบอินเดียใต้ ศรีลังกา เกาะมัลดีฟ อินโดนีเซีย ศิลปะในราชวงศ์นี้จะเป็นการปรับปรุงมาจากศิลปะแบบชาวดราวิเดียนอีกที จากเดิมที่นิยมสร้างเทวรูปด้วยหินซะส่วนใหญ่ มาในรัชสมัยนี้ก็เริ่มอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบูชาหรือทำพิธีกรรม ก็เลยมีการสร้างเทวรูปทำจากสำริด(ทองแดง+ดีบุก) ขนาดใหญ่ขึ้นมาตั้งไว้หน้าวัด แล้วก็ตามมาด้วยอีกมากมายเลย
ที่จริงแล้วประวัติศาสตร์การหล่อทองเหลือง และสำริดในอินเดียจะมีมานานก่อนหน้าราชวงศ์นี้มานานแล้ว แต่ในรัชสมัยนี้ก็นับว่าสร้างขึ้นมาเยอะกว่าปกติว่างั้นเถอะ เลยอาจจะทำให้รู้และมีเทคนิคที่เจ๋งๆกว่าสมัยอื่น เลยทำให้กลายเป็นแบบอย่างในการทำเทวรูปในสมัยถัดๆมา
บางครั้งก็จะมีออปชั่นเสริมคือจะมีการตกแต่งเทวรูปด้วยผ้าไหมและเครื่องประดับด้วย(ก็เริ่มจากสมัยนี้แหละ) มีบันทึกอยู่ในจารึกโจฬะ ในศตวรรษที่ 10 เลยทีเดียว
หนึ่งในประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากๆดังไปทั่วโลกของราชวงศ์นี้ ทั้งด้านของความอ่อนช้อยงดงาม และแฝงปรัชญาที่น่าสนใจคือ “นาฏราช” (เทวรูป ศิวนาฏราช) ซึ่งเราเคยเมาท์ไปใน https://panchaliwriter.blogspot.com/2020/05/blog-post.html (ไปตามอ่านกันได้)
พระศิวนาฏราช
จุดเด่นของประติมากรรมสมัยโจฬะ(จากการสังเกตของเรา)คือจะมีการตัดทอนสัดส่วนให้มีความอ่อนช้อย
จะไม่เน้นที่เสื้อผ้าแต่จะเน้นที่อิริยาบท และการแสดงสีหน้ามีความเรียบง่ายในความดูหรูหรา
เทพเจ้ามีปางค่อนข้างหลากหลาย ถ้าเป็นเทพสตรีก็จะมีการเปลือยอก บ่งบอกเพศอย่างชัดเจน แสดงถึงความเป็นผู้ให้กำเนิดและความสมดุลของธรรมชาติ
นางสีดา สมัยโจฬะ ศตวรรษที่ 11 สำริด
พระพิฆเนศ สมัยโจฬะ
มหิษาสุรมรรทินี สมัยโจฬะ ศตวรรษที่ 11 สำริด
พระกฤษณะร่ายรำบนนาคกาลิยะ สมัยโจฬะ ศตวรรษที่ 11 ทองแดง อัลลอยด์
เทคนิคการหล่อสมัยโบราณ
ที่ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบันนี้เลย เรียกว่า คือ lost-wax casting (สูญขี้ผึ้ง)
ขั้นตอนแรก คือจะมีการขั้นรูปเทวรูปด้วยขี้ผึ้ง โดยสัดส่วนจะมีการกะเอาจากใบมะพร้าว(ไม่รู้เค้ามีรูปแบบกะยังไงเหมือนกัน)
แล้วใช้ดิน(หรือปูนที่เป็นสูตรของเขาล่ะนะ)โปะทับ(เพื่อจะทำแม่พิมพ์) รอให้ดินแห้ง…ก็จะได้ก้อนดินกลมๆที่มีเทวรูปขี้ผึ้งอยู่ข้างใน ก็เอาไปทำให้ร้อน ให้ขื้ผึ้งข้างในละลายออกมาทางรูที่ทำไว้ ก็จะเหลือแค่แม่พิมพ์ที่ข้างในกลวง
ทีนี้ก็ถึงเวลา หลอมทองเหลือง หรือสำริดให้เหลว แล้วเทใส่แม่พิมพ์ที่ทำไว้
ทุบดินที่อยู่ข้างนอกออก ก็จะได้เทวรูปทองเหลือง/สำริดที่แข็งแรงมากๆ
ขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะเป็นการเก็บรายละเอียดพื้นผิวต่างๆให้ลวดลายชัดเจน
ก็จะได้เทวรูปสวยๆออกมาแบบนี้แหละ
สามารถเข้าไปดูคลิปวิธีทำเต็มได้ในนี้ https://www.youtube.com/watch?v=_PPV8IhRyWA
สำหรับใครที่ชอบเหมือนๆกัน อยากจะลองไปดู ร้านที่อยากแนะนำ
เป็นร้านที่เราไปประจำแล้วประทับใจ(หลายครั้ง)ในความใจดีของคุณยายคนขายและทีมงาน +เทวรูปสวยๆราคาย่อมเยา(ไม่ได้ค่าโปรโมทใดๆ^^) คิดตามนำ้หนักทองเหลืองมีตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักพัน...คิดว่าหลักหมื่นก็น่าจะมีถ้าองค์ใหญ่มากๆน่ะนะ
ร้านจะอยู่ในตรอกข้างห้างอินเดียเอ็มโพเรียม ร้านเทวรูปร้านแรกถ้าเดินจากหน้าห้างไปน่ะนะ
มีเทวรูปทองเหลืองสวยๆมากมาย ให้ได้เสพงานศิลป์ หรือใครใคร่ซื้อ ก็สามารถเลือกซื้อกลับมาเป็นแรงบันดาลใจ กำลังใจเล็กๆน้อยๆในการสร้างสรรค์งานศิลปะต่อไปได้อีกด้วยนะ ^^
ขอคุณยายถ่ายรูปมาแล้วเรียบร้อย :P
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.asiasocietymuseum.org/region_results.asp?RegionID=1&CountryID=1&ChapterID=7
https://www.tamilnadu.ind.in/tamilnadu_history/chola/art_and_architecture_under_chola.php
https://en.wikipedia.org/wiki/Chola_art_and_architecture
ขอบคุณภาพจาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Sita,_India,_Tamil_Nadu,_Chola_period,_11th_century_AD,_bronze_-_Linden-Museum_-_Stuttgart,_Germany_-_DSC03758.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/35/Chola_Ganesha.jpg
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Mahishasuramardini,_Chola_period_bronze,_11th_century,_Government_Museum,_Chennai.jpg
https://isdila.wordpress.com/2015/03/10/sense-of-sight-chola-bronze-sculpture/
https://www.metmuseum.org/art/collection/search/39328
ไปเมาท์กันได้ในเพจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น