9 ชิ้นส่วนของหิมะ ของหลี่จวน(แปล)
เรื่องสั้น: หลี่จวน(李娟- Li Juan)
แปลจากภาษาอังกฤษ: ปัญจาลี
เรื่องสั้นต้นฉบับ: (九篇雪 - Jiǔ piān xuě)
https://xw.qq.com/cmsid/20200523A05DT200?f=newdc
1
ฉันพูดขึ้นว่า “หิมะกำลังตกอีกครั้ง” ฉันลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ นอนข้างหน้าต่างและมองออกไปยังความมืดมิดภายนอก ฉันเอ่ยมันอีกครั้ง “หิมะกำลังตกอีกครั้ง”ฉันเบิกตากว้าง แต่มองไม่เห็นอะไร หิมะสีขาวมันไม่ได้รู้เลยว่าในตอนนี้ได้ไปอยู่ในความฝันของใครหรือเปล่า ฉันกระแอมในคอ และพูดขึ้นเสียงดังเป็นครั้งที่สาม “หิมะกำลังตก!” แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาจากความมืด
เป็นเวลายาวนาน ยาวนานมาก ก่อนจะมีเสียงใครบางคนจามมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “หิมะกำลังตกจริงๆนะ”
คล้ายกับการที่ฉันบอกว่า “ฉันรักคุณจริงๆนะ” ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจจะเชื่อได้เสมอ ฉันรู้ว่าหิมะตกอยู่ทุกคืน แต่ฉันก็ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ ฉันไม่สามารถอธิบายความซับซ้อนเกี่ยวกับการตกของหิมะ ที่มันจะหายไปก่อนจะถึงรุ่งเช้า ฉันไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนั้น ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันพูดประโยคล่องลอยหลังจากที่ตื่นมากลางดึก มันจะเหมือนการพูดละเมอหรือเปล่า
ว่าแต่ มันมีหิมะตกใช่ไหม?
2
ฉันคงจะไม่ใช่คนเดียวที่จะรู้ว่าหิมะมันตกจริงๆในตอนกลางคืน เพราะอย่างแรกคือ ก็มีการพยากรณ์อากาศมาหลายวันแล้ว นอกจากนี้เรื่องแปลกคือ โลกจะดูกลายเป็นสีขาวโพลนและหนาขึ้นทันตา ทันทีที่ประตูถูกเปิด อย่างที่เป็นภาพจำวัยเด็ก ในคืนที่หิมะตก ผู้คนมีงานยุ่งกันตลอดคืน มีคนเดินกลับเข้ามาในบ้าน แล้วอีกคนหนึ่งก็เปิดประตูออกนอกบ้าน เหยียบไปยังพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าใครเป็นคนเจอหิมะเป็นคนแรก ฉันสวมเสื้อผ้าเพิ่ม พันคอ สวมถุงมือ และผลักประตูออกไปแต่เช้า แต่ก็ยังเห็นรอยเท้าที่ใครบางคนทิ้งไว้บนหิมะที่หนา 40 เซนติเมตร จากตะวันออกไปตะวันตกฉันผ่านมันไปไม่ได้ ก็เลยต้องก้าวตามรอยเท้าที่มีอยู่แล้วนั้น แล้วเดินต่อไป มันมืดมาก ไฟที่ติดถนนก็สลัว พื้นดินเคยเป็นทรายมาก่อน ฉันเดินไปในรอยเท้าที่มีอยู่ก่อน แล้วก็คิดว่าใครเป็นเจ้าของรอยเท้านะ เขาคงโดดเดี่ยวมากกว่าฉันอีก
ฉันเดินตามรอยเท้านี้ เดินมุ่งหน้าไป แต่แล้วมันก็ทำให้ฉันค่อยๆสูญเสียความตั้งใจเดิมของตัวเองไป ฉันหยุดเดินและคิดอยู่สักพัก และเหยียบไปบนรอยเท้าอีกรอยอย่างไม่ตั้งใจ ฉันค้นพบว่า ฉันไม่สามารถออกจากเส้นทางที่คนคนนี้ทิ้งเอาไว้ได้ ฉันได้ลองไปในอีกเส้นทางหนึ่งเมื่อถึงทางแยก แต่ฉันกลับสะดุดแล้วก็ล้มลงบนพื้นหิมะ ฉันลุกขึ้นเดินต่อ และค่อยๆนึกขึ้นได้ว่าฉันกำลังเดินเพื่อให้ตามเขาให้ทัน ให้ได้พบหน้ากัน
ฉันรู้ว่าเขาคือใคร
แล้วฉันก็ค่อยๆรู้สึกว่าลังเลในทุกเส้นทางของรอยเท้าในทุกๆทางแยก บางทีฉันอาจจะตามเขาทัน ฉันมั่นใจ
ฉันวิ่ง ไฟที่ถนนเริ่มดับแล้ว และท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น หัวใจของฉันพองโต และหอบหายใจหนักมาก ในทุกๆย่างก้าวของฉัน ฉันรู้สึกว่าเขากำลังรอฉันอยู่ในก้าวถัดไป ใกล้ยิ่งขึ้น ใกล้ยิ่งขึ้น ฉันสะดุด และล้มลง มันชัดเจนขึ้นแล้ว ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ชัดขึ้น ฉันได้ยินแม้แต่เสียงเขาหายใจและถอนหายใจ ฉันดีใจกับมันมาก เลือดของฉันสูบฉีดควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันต้องการเดินเข้าไปใกล้อีก จนได้มาเห็นรอยเท้าสุดท้ายของเขา เขารู้สึกช็อคและนึกขึ้นได้ว่า ตัวเขาเองกำลังยืนอยู่ที่ริมหน้าผา...
ท้องฟ้ากลับมามืดในทันทีอีกครั้ง ฉันตื่นขึ้นมาจากฝัน ใส่เสื้อผ้า และนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรุ่งเช้า
3
หิมะมันช่างเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออะไรขนาดนี้!
สิ่งแรกเลย มันขาวโพลน ไม่มีอะไรเจือปน และมันก็ส่องสว่าง มันเป็นสีขาว มันเป็นสีขาว เป็นสิ่งที่เตือนใจเด็กหญิงจอมดื้อคนหนึ่งที่กำลังกัดริมฝีปากอยู่ หิมะกำลังลงมาจากเมฆคูมูลัสสีเทาอันหนักอึ้ง
อันดับสอง หิมะกำลังตกลงมา หล่นลงมาจากฟากฟ้า ด้วยความอ้อยอิ่งลงสู่พื้น เรามีเรื่องอะไรพวกนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อมีฝนดาวตก หรือมีสายฝนตกลงมาจากฟ้าอย่างเร็ว หรือเวลานกกระพือปีกแบบรีบๆ ฉันเฝ้ามองหิมะค่อยหล่นลงมาอย่างช้าๆ อย่างๆช้าๆลงสู่พื้นโลก ช้าๆ ช้าๆ ฉันเห็นทุกๆอย่างและจำทุกอย่างได้
แล้วมันก็กลายเป็นรูปร่างอันแสนประณีต
ปล่อยให้ผู้คนได้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของใครสักคน เขาได้เตรียมตัวมาหลายปีที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะสุดแสนประณีต เป็นจุดที่จะทำให้คุณรู้สึกตะลึงงันในเขาวงกตที่ใกล้และเงียบงัน พร้อมกับยิ้มน้อยๆ และทันใดก็ปิดทางออกนั้น...เกล็ดหิมะ แสดงตัวให้เห็นถึงแฉกที่มี 6 แฉก- ใบไม้ มีรูปทรงตายตัวหรือเปล่า ก้อนหินมีรูปทรงตายตัวไหม? ความฝันล่ะ? ความตายล่ะ?
หิมะสามารถมีการเพิ่มขึ้นและปกคลุมได้ ในโลกใบนี้สิ่งที่จะสามารถปกคลุมอะไรได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งนั้นก็คือหิมะ และ หลุมฝังศพ เพราะอย่างนั้น หิมะจึงงดงามเสมอในความสมมาตรของมัน พวกเราเดินบนหิมะ คิดถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มหิมะนี้ และคิดว่านี่คือวิธีที่เราเดิน จะมองกลับหลังไป
หิมะสามารถละลายได้ หายไปในฝ่ามือ และหายไปในฤดูใบไม้ผลิ พวกเราไม่สามารถเก็บหิมะไว้ได้ ถึงเราจะใช้มือคว้ามันมากำไว้แน่นอย่างไร สุดท้ายก็สัมผัสได้เพียงความเย็น และหยดน้ำที่ไหลรินจากมือเราเท่านั้นเอง ถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้ในเรื่องนี้ คุณจะถูกมันแช่แข็งซะเอง
หยดน้ำจ้องมองคุณอย่างเย็นเยือก แม้ว่ามันจะหายไปแต่ก็ยังคงจ้องมองคุณไปอย่างนี้ ราวกับความฝัน
แต่เราไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับหิมะเมื่อตอนเราเป็นเด็ก เรารู้แค่ว่า หิมะนั้นสามารถปั้นตุ๊กตาหิมะได้ ตุ๊กตาหิมะที่ใหญ่เท่าตัวเรา และเราก็สามารถปั้นมันให้ยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้เหมือนกับเราเลย และให้มันทุกอย่างเท่าที่เรามี จมูกแครอท ตาจากก้อนถ่าน และแว่นตาของฉัน หรือผ้าพันคอของคุณ แล้ววันหนึ่งมันก็ได้แสดงสิ่งมหัศจรรย์ให้ฉันได้เห็น อันเนื่องมาจากความทรงจำวัยเด็กของพวกเรา มันวิ่งเข้าหาเราจากถนนไปสู่ห้อง และสู่ชีวิตของเรา แล้วมันก็กลับมืดลง พวกเราทิ้งมันให้โดดเดี่ยว เมื่อเรากลับบ้านไป เราไม่ได้คิดถึงมันเลย ทั้งที่เราได้ให้ทุกอย่างกับมัน
นั่นอาจเป็นสิ่งที่ได้มอบความโดดเดี่ยวให้กับตุ๊กตาหิมะ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันเกิดขึ้นจริงๆ แต่เราต่างก็มองมันผ่านหน้าต่างบ้าน จากภายในบ้านที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
เรามาจากความโดดเดี่ยวแรกในชีวิตของเรา ความโดดเดี่ยวที่ได้เห็นตุ๊กตาหิมะ ถ้ามันไม่มีตา หรือจมูก ถ้ามันยังคงเป็นหิมะบนพื้นเรียบๆ ถ้าเราไม่ได้ปลุกให้หิมะตื่นขึ้นมา เราไม่ปลุกมัน เราอาจจะได้ยืนเคารพมันแทนในทุกๆฤดูหนาวก็ได้
4
ฉันจะไม่คร่ำครวญถึงบรรดาดอกไม้ที่ร่วงหล่น เพราะเมื่อมันหล่นฉันก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ และฉันก็ยังไม่แก่ ฉันจะไม่เสียใจ เวลาที่เกล็ดหิมะหล่นมาจากิ่งไม้ในฤดูหนาว ฉันจะอยู่ดูมัน ไม่ไปไหน
หิมะหล่นลงมาจากท้องฟ้า โปรยปรายราวกับม่านบนเวที ฉันยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ เหมือนนักแสดงที่โค้งคำนับผู้ชม ที่กำลังปรบมือทั้งๆที่ไม่มีอยู่จริง ฉันพูดไว้ว่า ฉันจะไม่คร่ำครวญ ไม่ว่าดอกไม้อะไรก็ร่วงหล่นได้ ฉันเคยเห็นมันทิ้งช่วงเวลาวัยเยาว์ของตัวเองไป มีรัก และสุดท้ายก็จากไป เท้าของฉันจมอยู่ในหิมะ ชั้นต่อชั้นเหมือนดินหลุมฝังศพ ขาว และนุ่มบนพื้นดินนั้น
รอคอยการร่วงหล่นของมัน รอคอยความเสียใจของฉัน ในท้ายที่สุดพวกมันรอคอยความเสียใจของบรรดาญาติๆของฉัน เมื่อญาติๆได้ขุดหิมะและดินขึ้นมา แล้วก็ฝังกลบฉันลงไปเบื้องล่าง ทิ้งหยาดน้ำตาไว้ข้างหลัง ก่อนที่ฉันจะได้เห็นพวกเขาร่วงหล่นลงจากฟ้าตามกันลงมา
ปีแล้วปีเล่าถูกฝังกลบโดยหิมะ หรือสิ่งต่างๆมากมาย- ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรืออะไรก็ตามแต่-ธันวาคม ก็ยังคงจะมาถึงเสมอ เป็นสิ่งสุดท้าย
ปีถัดมา พวกเราเดินบนทุ่งที่มีหิมะด้วยน้ำตาของปีถัดๆไป
แต่ที่ซึ่งหิมะได้ตกไปเมื่อปีก่อน มันจะยังคงมีรอยเท้าที่ฝากไว้ของปีที่แล้วที่จะสอนเราว่าเราได้ผ่านปีนั้นมาได้จนถึงตอนนี้..
5
หิมะตกลงมายังพื้นดินในฤดูหนาวครั้งแล้วครั้งเล่า มันละลายในที่ที่เราเห็น แต่หนาขึ้นทีละชั้นที่เรามองไม่เห็น ถุงมือสีแดงที่ฉันทำหายในสนามเด็กเล่นในฤดูหนาวยังหาไม่เจอ มันถูกฝังเอาไว้ลึกมาก
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง มักจะมีชั้นทับซ้อนกันของอดีต ที่เราไม่เห็นมัน แต่เราสามารถเห็นความค่อยเป็นค่อยไปและความพยายามของหิมะในฤดูหนาวเมื่อมันผ่านพ้นไป—ทุกๆชิ้นส่วนของหิมะ ล้วนผ่านการเดินทางอันยาวนาน โอบไหล่ของตัวมันเอง เดินทางมุ่งหน้าอย่างระมัดระวัง สร้างเส้นทางของตัวเอง ทีละก้าวไปสู่พื้นดิน ลอยไปทางซ้ายและขวาอยู่กลางอากาศ กระจายตัวไปทั่ว ในตอนที่พวกเรายังเด็ก พวกเราจะสังเกตเพียงแค่ ความสะอาดตา และความสวยงามของมัน ไม่ได้สังเกตวันปีที่พวกมันได้ก้าวข้ามผ่านมา
6
ท้องฟ้าวันหิมะตก จะสดใสเมื่อมีแดดออก ชิ้นส่วนเกล็ดหิมะที่แตกสลาย ก็ได้ถูกพัดพาไปต่อ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า มองไปที่เกล็ดหิมะที่แตกสลายถูกพัดขึ้นมาจากพื้น คล้ายกับฟองน้ำที่ผุดขึ้นจากน้ำ ลอยในอากาศและขึ้นสู่ผืนฟ้า ทีละชิ้นๆ ค่อยๆหายลับไปในท้องฟ้าสีคราม มีคนจำนวนน้อยมากที่จะสังเกตเห็นว่า เมื่อหิมะได้สัมผัสพื้น มันจะไม่หวนคืน และลอยกลับขึ้นไปอีก มันมีเพียงหน้าที่ที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกตื่นตาตื่นใจเท่านั้น ทำไมนะหลังจากที่หิมะละลายไป อากาศถึงจะแจ่มใส ภายใต้รัศมีแห่งดวงอาทิตย์ ไร้ซึ้งลมพัดผ่าน ชิ้นส่วนหิมะกลับไปสู่วงล้อมแห่งการเต้นรำอย่างช้าๆ ราวกับว่าอยู่ในสายลม ราวกับว่าอยู่ในเสียงเพลง
ลอยไป ลอยไป ราวกับหลับตาลง ท้องฟ้าสีครามพอที่จะทำให้น้ำตาหลั่งไหล มันเป็นสีฟ้ามากกว่าสีน้ำเงินใช่ไหม บนฟ้านั้น มีความปั่นป่วนอยู่ดึงดูดหิมะที่ซึ้งไร้น้ำหนัก หมุนวนหล่นกันไปตามน้ำหนัก ตอนที่อยู่บนดินมันไร้ซึ่งน้ำหนักของตัวเอง ปลิวเป็นละอองแผ่กระจายกว้างใหญ่ เราจะสามารถเห็นได้เลยว่ามันจะมีละอองเล็กๆซ่อนตัวอยู่ในหิมะที่กำลังโบยบินอย่างอ้อยสร้อยนั้น
ตอนที่ฉันออกเดิน อากาศสดใส หิมะเริ่มตกปรอยๆไปรอบๆแล้ว ฉันหยุดมองไปข้างหลังไม่ได้เลย คิดว่าถ้ามีวันหนึ่งที่ฉันเป็นเหมือนหิมะที่ตกลงมาและปลิวไป แล้วฉันจะทำยังไงนะ- ฉันคิด พื้นดินก็อาจจะรอคอยให้ฉันปลิวหล่นลงมา แต่หิมะที่ฉันกำลังเหยียบอยู่ช่างอ่อนโยน และนุ่มละมุน ลอยปกคลุมอยู่ตรงนี้ รอคอยให้ฉันมาเหยียบอีกครั้งในสักวันหนึ่ง กลับไปที่ก้าวก้าวนี้ กลับไปที่ชิ้นส่วนหิมะที่แตกสลายและ เดินหน้าต่อ
ฉันมองกลับไป และมองหา สิ่งที่เห็นสิ่งแรก มันไม่มีอะไรเลยอยู่บนท้องฟ้า จนกระทั่งน้ำตาของฉันเริ่มไหลจากความจ้าของแสงบนท้องฟ้าที่ตกมาสู่พื้นโลก ฉันมองเห็นหิมะที่ถูกพัดขึ้น ชิ้นต่อชิ้น และหายไป กลับสู่การที่มองไม่เห็นมันอีกครั้ง
มีเรื่องราวมากมายที่เราไม่รู้หลังจากตอนจบที่ได้ดำเนินไปแบบนี้ เรากลับไปที่หน้าสุดท้าย และกลับไปที่ความไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นประโยคสุดท้ายที่อยู่ในตอนจบของเรื่องราวนั้น ราวกับ หนังสือทั้งเล่มไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเลย
มันจริงไหมที่ว่าทุกอย่างจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น และไม่มีวันมีจุดจบจริงๆ
หิมะที่ร่วงหล่น และหิมะที่พัดขึ้น ได้หายไปแล้ว แต่กองหิมะไม่ได้หายไปในทันที กระบวนการหายไปของมันซับซ้อนมากกว่าที่ตาของเราจะมองเห็น ประสบการณ์ของพวกมัน ซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการถึง ในมุมของฉันในทุ่งหิมะ ที่ซึ่งมีเศษเสี้ยวหิมะวิบวับกระจัดกระจายฟุ้งไปทั่วก็ได้หยุดลง
มันหยุดลง เช่นเดียวกับหิมะที่ร่วงหล่นลงไป
ฉันมองกลับไปอีกครั้งและเงยหน้ามองฟ้าสีคราม
7
ภูเขาลูกหนึ่งถูกปกคลุมโดยหิมะเป็นปีๆไม่เคยเปลี่ยนไป แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย ฤดูทั้ง 4 ฤดูไม่เคยได้พบเจอกัน ฤดูหนาวก็พูดว่า “นี่เป็นศพของฤดูหนาวต่อๆไปล่ะ” มันกล่าว “ในฤดูหนาวหนึ่ง นานมาก นานมาแล้ว ฉันไม่รู้จักมัน ฉันอยู่มานานไป” หลังจากหลายปีที่ได้ยินสิ่งนี้ หิมะก็ตกหนักทุกปี วันหนึ่งมีภูเขาไฟประทุ และไม่มีทางจะหยุดได้ หิมะหนึ่งร้อยล้านปี ก็กลายเป็นควัน เป็นสายน้ำ ก้อนน้ำแข็งดึกดำบรรพ์แตกไปทั่วทุกหนแห่ง ฟ้าถล่ม ดินทลาย จักรวาลส่งเสียงร้อง ท้องฟ้าสั่นไหว ช่างยาวนานเหลือเกิน
แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆหยุดลง และหายไป หิมะเริ่มตกลงมาใหม่ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกฝังไปกับอดีต ไม่มีใครได้รู้ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ฤดูทั้ง 4 ยังคงเงียบ แล้วฤดูหนาวก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้เลยจริงๆ มันอาจเป็นจุดจบของเรา ยุคที่มี5 ฤดู”
8
หิมะมีหลายอย่างต้องทำในฤดูหนาว มันตกอยู่ทั้งปี อันที่จริงมันเป็นแค่เหมือนสิ่งแปลกปลอมที่กำลังจะตกลงมาบางครั้งมันมาในรูปของสายฝน บางครั้งมาในรูปของใบไม้ร่วง บางครั้งก็เป็นมหันตภัย บางครั้งก็เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างความโดดเดี่ยว มีเพียงความหนาวที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ และมันก็ทำให้โลกทั้งใบขาวโพลน หรือที่เราเห็นจะเรียกมันว่า “หิมะ” ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมหนึ่งในฤดูหนาว
เพราะอย่างนั้น หิมะมันคืออะไรกันแน่
มันเป็นสิ่งของไหม?
เราต่างรู้ว่ามันจะมีบางอย่างถูกทิ้งไว้ข้างหลังในทุกปี ความสุข วัยเยาว์ วัยเด็ก อุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือการตกของฝนดาวตก เหมือนหิมะที่หล่นจากท้องฟ้าจุดกำเนิดของสิ่งนี้ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่เรายอมรับมัน จนกว่าเราจะตัวหนักขึ้นและหนักขึ้นด้วยการรับสิ่งที่ร่วงหล่นลงมาอีกที มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เลยที่เราก็จะตกลงไปสู่เบื้องล่างด้วย
นั่นไม่ใช่หิมะอย่างแน่นอน ความเบาและความอ่อนละมุนของหิมะคือสิ่งที่ดีที่สุดของทุกสิ่งที่ตกลงมา คนผู้เป็นที่นับถือกล่าวว่า “ ที่เธอกำลังล่องลอยอยู่แบบนี้ ดูสิว่าเธอสวยขนาดไหน! น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้..."
งั้นสอนให้เราเชื่อสิ!
ความงดงามที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย ความเจ็บปวดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ ความรัก วัยเด็ก ความเหงา การหลอกลวง บาป ความเกลียดชัง ความปรารถนา การต่อต้าน -- เมื่อเราร่วงหล่นจมไปกับกับสิ่งเหล่านี้ เราจะมีความเชื่อได้ยังไง ในเวลานี้ เราจะเหมือนกับเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเหมือนหิมะหรือเปล่า?
เขากล่าวเสริมว่า "หัวใจของ หิมะก็คือการเป็นละออง แต่มันก็แค่เหมือนมีเสื้อผ้าหนาทับอยู่"
แต่หัวใจของเรากำลังเต้นแรง สูบฉีดเลือดให้ร่างกายไปสู่ แขนขาและใบหน้าของเราที่สุขภาพแข็งแรงและอ่อนเยาว์ เราจะไปเรียบง่ายเหมือนเกล็ดหิมะได้ยังไง คนที่เปรียบเทียบแบบนี้โดยไม่ได้ตั้งใจเพื่อทำให้ชีวิตที่น่าหลงใหลของเราเปลี่ยนแปลงไป คนที่หลอกลวงเราตลอดฤดูหนาวด้วยหิมะแค่บางส่วน จะทำให้เรามืดบอด ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ควรตกลงมาให้ได้ตกลงมา และปกปิดมันในทันทีด้วยบางสิ่งบางอย่าง
9
หิมะตกลงมาอย่างสงบราวกับว่ามันไม่รู้อะไรเลย เหมือนกับว่ากำลังร่วง กำลังคิด กำลังนั่งสมาธิ ไม่อยากตื่นตระหนกจนคิดไปเอง เหมือนไม่เคยทำอะไรเลยจริงๆ มันส่ายหัวเบาๆแล้วล้มลงอีกครั้ง
และหิมะก็สงบลง สงบพอที่จะไม่เห็นมันขยายออกไป
มองอยู่นาน ดูอยู่นาน การขยายตัวนี้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะมันขยายออกไปพร้อมกับการหยุดทุกสิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หิมะตัวสั่นไหวเล็กน้อย 'เพราะมีคนมาจากที่นั่น” การสั่นไหวสุดท้ายของหิมะคือการที่เขาจากได้ไปตลอดกาล หิมะเป็นความว่างเปล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก …เติมเต็มมันสิ!
จากนั้นหิมะที่เงียบกว่าอีกก้อนก็ตกลงมา
และที่เงียบและว่างเปล่าที่สุดคือคืนที่หิมะตก ค่ำคืนนี้ชายคนนั้นขยับปากพึมพำ ดูเหมือนว่าหิมะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในฝันของเขาโดยไม่มีการสนับสนุนใดๆ อาการง่วงซึมราวกับน้ำหยด เข็มวินาทีขยับทีละช่อง แตะหัวใจ หลังจากผล็อยหลับไป หิมะก็เงียบลงเรื่อยๆ และความฝันก็พาเขาไปยังที่ตรงข้ามอย่างเงียบๆ หากคุณไปที่นั่น หิมะตกด้วย มันจะนำคุณกลับมาทันทีและอย่างนุ่มนวล และจะปลุกคุณเพียงไม่นาน
ความเงียบในห้องถูกกดดันและบังคับโดยความเงียบของโลกทั้งใบ คนที่ตื่นขึ้นฟังเงียบๆ สักพักแล้วผล็อยหลับไป หลับลึกขึ้น ข้ามกำแพงและความฝัน
หิมะตกลงสู่พื้น มันไม่เปียกและไม่กระทบอะไรเลย มันถูกปกคลุมทีละชั้นอย่างมิดชิด ทิ้งคุณในยามค่ำคืนอย่างไร้ร่องรอย
ฝังคุณไว้ในความฝันอย่างเงียบ ๆ
ถ้ามีคนมาเคาะประตูบ้านคุณตอนนี้ และเรียกชื่อคุณกลางดึก อาจใช้เวลาหลายปีต่อมากว่าคุณจะตื่นขึ้น
หิมะและกลางคืนกำลังเข้าใกล้คุณมากขึ้นเรื่อยๆ และจากไปในสถานที่ที่ไกลที่สุดในโลก กลับมาเล่าความฝันในสิ่งที่ไม่รู้ และเข้าใกล้คุณมากขึ้นเรื่อยๆ
หิมะตกลงมาท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง ชั้นหิมะหนาขึ้นทีละเล็กทีละน้อย บีบอัดพื้นดินในตอนกลางคืน ทำให้คืนคืนนั้นหนาวเหน็บลงไปอีก
——และในคืนที่เงียบสงัดผิดปกติ จู่ๆ ฉันก็เหงื่อออกมาก ตกใจตื่นขึ้นจากความฝัน และร้องออกมาว่า
"หิมะกำลังตก!"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น