รักของ "ตุลสี"...กับกะเพราที่ไม่มีในร้านอาหาร
เชื่อไหมว่าเมนูอาหารยอดฮิต ที่ว่าสิ้นคิดสุดๆในบ้านเรา อย่าง “ผัดกะเพรา” จะไม่สามารถหากินได้เมื่ออย ู่ในประเทศอินเดีย!...
ก็เพราะว่ากะเพราในอินเดียไ ม่ได้ถูกจัดอยู่ในฐานะเดียว กันกับบ้านเรา จะไม่สามารถหากะเพราได้ในร้ านอาหาร หรือตามตลาดสดที่ขายพืชผักไ ด้เลย แต่จะพบได้ตามร้านขายของบูช าเทพเจ้า หรือเทวสถานเท่านั้น!
ในอินเดียรู้จักกะเพราในชื่ อ “ตุลสี” (Tulasi) ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ที่รู ้จักกันอย่างสากลว่า Ocimum sactum อยู่ในวงศ์ Lamiaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับสาระแห น่ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Holy Basil ว่ากันว่าเป็นพืชที่ขึ้นบนห ลุมศพของพระเยซู ชาวตะวันตกจึงมีวันที่ให้คว ามสำคัญของกะเพราเป็นวัน Saint Basil’s day ที่จะมีการพกก้านกะเพราเข้า โบสถ์
กะเพราเป็นพืชท้องถิ่นในอิน เดีย และ อิหร่าน สามารถพบได้โดยทั่วไปในทวีป เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เป็นพืชที่มีสรรพคุณมากมาย เช่นมีฤทธิ์ขับลม ต้านการเกิดแผลในกระเพราะอา หาร ขับน้ำดี ลดการอักเสบ ลดไข้กระตุ้นภูมิคุ้ม ต้านแบคทีเรีย อนุมูลอิสระ และมะเร็ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชินีสมุนไพร (Queen of Herb)
“ตุลสี” (Tulasi)เป็นชื่อของหญิงสาว คนหนึ่ง ซึ่งมีตำนานหลากหลายแบบ(มาก เวอร์ๆ) จากหลายคัมภีร์ในศาสนาฮินดู ที่บ้างก็ว่าตุลสีเคยเป็นร่ างอวตารหนึ่งของพระแม่ลักษม ีชายาของพระนารายณ์ ผู้เป็นหนึ่งในเทพสูงสุดของ ฮินดู
บ้างก็ว่าตุลสีเป็นพรรณไม้ท ี่มีเพื่อระลึกถึง‘นางวรินด า’(Vrinda) ชายาของอสูรจลันธารา(Jaland hara)ที่มีความยึดมั่นในควา มดีสมควรแก่การบูชาและระลึก ถึงฯลฯ
ด้วยเหตุที่กะเพรามีความเกี ่ยวข้องกับตำนานของเทพเจ้าแ บบนี้นี่เอง ในประเทศอินเดียซึ่งประชากร ส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดูจึงไม่ นิยมนำกะเพรามารับประทานเป็ นอาหารโดยตรง แต่จะนำไปทำเป็นยารักษาโรค
ซึ่งในอินเดียมีการปลูก 2 พันธุ์คือ กะเพราขาว และกะเพราแดง เช่นเดียวกับในไทย และจะเก็บเกี่ยวหลังผลิดอกค รั้งแรกเพื่อให้ได้สรรพคุณท างยาสูงสุด นอกจากนี้ยังปลูกเพื่อความโ ชคดี ใช้ในศาสนพิธี และใช้บูชาเทพเจ้า
ตำนานหนึ่งที่เราคิดว่าน่าส นใจของแม่นาง ‘ตุลสี’ผู้นี้ หญิงสาวผู้มีความศรัทธาในรั ก
กล่าวไว้ว่าเธอเป็นธิดาของก ษัตริย์ "ธรรมาธวาจา" (Dharmadhvaja) และมเหสีชื่อ มาธาวี (Madhavi)
ก่อนหน้านี้ท้าวธรรมาธวาจาไ ด้บำเพ็ญตบะทำให้พระแม่ลักษ มีพอใจและประทานธิดาให้ ต่อมาพระนางมาธาวีจึงได้ตั้ งครรภ์ แต่ใช้เวลาอยู่ถึง 100 ปีกว่าจะถึงกำหนดคลอด!
ครั้นเมื่อถึงเวลาคลอดแล้วก ลับไม่ได้ออกมาเป็นทารก กลับเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก และได้ชื่อว่า “ตุลสี”(แปลว่า ไร้ที่ติ) เธอมีความรักและศรัทธาในพระ นารายณ์เป็นอย่างมาก ตุลสีตัดสินใจละทิ้งทางโลกจ ึงบำเพ็ญภาวนา บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลานา นอยู่หลายพันปี (ชาวฮินดูเชื่อกันว่าในสมัย โบราณผู้คนจะมีอายุยืนยาวมา ก) จุดประสงค์เดียวของเธอคือกา รขอให้พระนารายณ์รับเธอเป็น ชายาของพระองค์!
การบำเพ็ญภาวนาครั้งนั้นไปร ้อนถึงพระพรหม พระองค์จึงได้มาปรากฏกายขึ้ นต่อหน้าของตุลสี เพื่อให้รางวัลตอบแทนความดี ในการบำเพ็ญภาวนาของเธอ เมื่อพรหมเทพได้ทราบจุดประส งค์ของตุลสี พระองค์จึงได้แนะนำให้เธอไป พบกับ “สุธา” หนุ่มเลี้ยงโคผู้ถูกสาปให้เ ป็นอสูร แต่งงานกับเขา แล้วต่อมาเธอก็จะได้เป็นชาย าของพระนารายณ์เอง!
ฟังๆดูก็อาจรู้สึกแปลกๆเพรา ะการแต่งงานกับอสูรจะทำให้เ ธอได้กลายเป็นชายาของเทพได้ ยังไง? แต่ทุกเรื่องราวนั้นมีเหตุผ ลเสมอ
แท้ที่จริงแล้วสุธาที่ถูกสา ปเป็นอสูรนั้นเป็นร่างอวตาร หนึ่งของ “พระกฤษณะ” ซึ่งพระกฤษณะก็เป็นอวตารหนึ ่งของพระนารายณ์นั่นเอง (เรียกได้ว่าอวตารในอวตารเล ยทีเดียว!) การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นเ หมือนกับการได้แต่งกับส่วนห นึ่ง(ส่วนเล็กๆ)ของพระนาราย ณ์นั่นเอง
ในส่วนของ สุธา หนุ่มเลี้ยงวัวที่เป็นอวตาร ในอวตารพระนารายณ์นั้น ความจริงได้เคยพบกับ ตุลสีมาก่อนแล้ว เขาก็ได้บำเพ็ญภาวนาต่อพระน ารายณ์(ร่างหลัก)ว่าขอให้ได ้แต่งงานกับตุลสี และขอพรจากพระพรหมว่าเขาจะต ายก็ต่อเมื่อ ‘ส่วนหนึ่งของพระนารายณ์ในร ่างเขาได้หายไป และภรรยาของเขาได้สูญเสียคว ามบริสุทธิ์’
ครั้นเมื่อโชคชะตาเริ่มทำงา น สุธาถูกสาปให้กลายเป็นอสูรแ ละได้พบกับตุลสี ทั้งสองก็ได้แต่งงานตามที่ไ ด้ขอพรไว้ แต่ด้วยความเป็นอสูรความเลว ร้ายเกาะกินจิตใจ ทำให้เขาก่อกรรมทำชั่วเป็นท ี่เดือดร้อนไปทั่ว จนเหล่าเทวดาต้องหาทางกำจัด เขาเพื่อแก้ไข
เมื่อพระนารายณ์ได้รู้ข่าวก ็ได้หารือกับพระศิวะและตกลง กันว่า พระศิวะจะเป็นผู้ไปจัดการสั งหารสุธาในร่างอสูร ส่วนพระนารายณ์เขาหาตุลสี แปลงกายเป็นสามีของเธอทำลาย พรที่ได้รับเพื่อที่จะสังหา รเขาได้
และถึงแม้ว่าตุลสีจะรักและศ รัทธาในพระนารายณ์แค่ไหน แต่ด้วยความเป็นภรรยาที่ดีต ามแบบฉบับของหญิงฮินดูที่จะ มีความซื่อสัตย์ในสามี เมื่อพบว่าเธอได้ถูกพระนารา ยณ์หลอกลวงเพื่อทำลายชีวิตส ามี ตุลสีจึงโกรธมากและได้สาปให ้พระองค์กลายเป็นก้อนหิน!
แต่พระนารายณ์ก็ได้พยายามอธ ิบายให้ตุลสีเข้าใจถึงความจ ำเป็นในครั้งนี้ ว่านอกจากเป็นการช่วยโลกแล้ ว ส่วนหนึ่งนั้นก็เพื่อเป็นกา รทำลายคำสาปที่สุธาได้รับ และขอให้เธอได้ไปอยู่กับพระ องค์ในฐานะของชายาอย่างที่เ ธอได้ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้
โดยละทิ้งสังขารของมนุษย์ไป ซึ่งส่วนที่เป็นร่างกายของต ุลสีนั้นกลายเป็นแม่น้ำกานท ากี(Gandaki River) และผมของเธอกลายเป็นต้นกะเพ รา หรือต้นตุลสีดังที่รู้จักกั น
ชีวิตแต่งงานของตุลสีก็ไม่ไ ด้สวยหรูอย่างที่ใครคิดเพรา ะด้วยความที่เพิ่งเข้าไปอยู ่ใหม่ทำให้มีปัญหากับชายาอง ค์อื่นของพระนารายณ์ (ว่ากันว่าคือพระแม่สุรัสวต ี- บางตำนานกล่าวว่าพระแม่องค์ นี้เป็นชายาพระนารายณ์ แต่บางตำนานที่ฮิตๆกันบอกว่ าพระแม่องค์นี้เป็นมเหสีของ พระพรหม) แต่ตุลสีก็พยายามปรับตัวและ อดทนจนถึงที่สุด
เมื่อพระนารายณ์ได้รับรู้ถึ งความลำบากของเธอ ด้วยความดีของตุลสีพระองค์จ ึงได้ยกย่องตุลสีขึ้นเป็น “เทวี” ให้ที่เคารพนับถือเช่นเดียว กับเทพทั้งหลาย ประดับใบกะเพราไว้บนพระเศีย ร และพระอุระ เป็นที่ระลึกในความดีนั้น ด้วยเหตุนี้ชาวฮินดูจึงนิยม บูชาพระนารายณ์ด้วยใบกะเพรา หรือตุลสีซึ่งเป็นเทวี และพรรณไม้อันเป็นที่รักยิ่ งของพระองค์
The End
อ้างอิง
(1) Legends of Devi by Sukumari Bhattacharji
(2) Puranic encyclopaedia by Vettam Mani
(3) Religious & Useful Plants of Nepal & India by Trilok Chandra Majupuria
(4) http://www.imedpub.com/ articles/ tulsi--the-wonder-herb-phar macologicalactivities-of-o cimum-sanctum.pdf
(5)https://www.doctor.or.th/ article/detail/5799
.
ขอขอบคุณภาพจาก
http:// indianastrology.co.in/ 3030-tulsi-vivah-23-novembe r-2015-monday/
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ก็เพราะว่ากะเพราในอินเดียไ
ในอินเดียรู้จักกะเพราในชื่
กะเพราเป็นพืชท้องถิ่นในอิน
“ตุลสี” (Tulasi)เป็นชื่อของหญิงสาว
บ้างก็ว่าตุลสีเป็นพรรณไม้ท
ด้วยเหตุที่กะเพรามีความเกี
ซึ่งในอินเดียมีการปลูก 2 พันธุ์คือ กะเพราขาว และกะเพราแดง เช่นเดียวกับในไทย และจะเก็บเกี่ยวหลังผลิดอกค
ตำนานหนึ่งที่เราคิดว่าน่าส
กล่าวไว้ว่าเธอเป็นธิดาของก
ก่อนหน้านี้ท้าวธรรมาธวาจาไ
ครั้นเมื่อถึงเวลาคลอดแล้วก
การบำเพ็ญภาวนาครั้งนั้นไปร
ฟังๆดูก็อาจรู้สึกแปลกๆเพรา
แท้ที่จริงแล้วสุธาที่ถูกสา
ในส่วนของ สุธา หนุ่มเลี้ยงวัวที่เป็นอวตาร
ครั้นเมื่อโชคชะตาเริ่มทำงา
เมื่อพระนารายณ์ได้รู้ข่าวก
และถึงแม้ว่าตุลสีจะรักและศ
แต่พระนารายณ์ก็ได้พยายามอธ
โดยละทิ้งสังขารของมนุษย์ไป
ชีวิตแต่งงานของตุลสีก็ไม่ไ
เมื่อพระนารายณ์ได้รับรู้ถึ
The End
อ้างอิง
(1) Legends of Devi by Sukumari Bhattacharji
(2) Puranic encyclopaedia by Vettam Mani
(3) Religious & Useful Plants of Nepal & India by Trilok Chandra Majupuria
(4) http://www.imedpub.com/
(5)https://www.doctor.or.th/
.
ขอขอบคุณภาพจาก
http://
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น