ยะลา…พาไปเที่ยว Part 2: มองเมืองมุมใหม่สไตล์ชาวอินดี้
หลังจากเล่าประวัติศาสตร์นั่นนี่นู่นมาซะยาวในพาร์ทแรก https://panchaliwriter.blogspot.com/2019/12/part-1.html เอ้า! ถึงเวลาพาไปเที่ยวกันจริงๆซะทีนะ...ตามมาๆ
ส่วนใหญ่เวลาเสิร์ตถึงจังหวัดยะลาเวลาจะไปเที่ยว
ก็มักจะเจอ ของดีของเด่นอาหารจานเด็ด ที่ท่องเที่ยวเก๋ๆชิคๆจะอยู่ใน “อำเภอเบตง”
(หมายถึงต้นไผ่ที่ใหญ่ มีชื่อว่าไผ่ตง) ซะส่วนใหญ่
ซึ่งเบตงนี่นะขอบอกก่อนนะทูกคนนน ถึงเป็นอำเภอ แต่ก็เป็นตัวของตัวเองมากจนเหมือนจะเป็นจังหวัดไปแล้วล่ะ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเมืองที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลกว่าใครเพื่อน(ให้อารมณ์แบบเมืองในหุบเขาน่ะ) สมัยก่อนหนทางก็คดเคี้ยว จะไปทีนึงคืออ้วกแตกอ้วกแตน อันนี้คอนเฟิร์มพูดจริงไม่ได้โม้ เมาจริงอ้วกจริงไม่ใช้สแตนอินน้าาาา แต่เดี๋ยวนี้ไปง่ายขึ้นแล้ว แล้วก็สร้างสนามบินของตัวเองแล้วด้วยนะขอบอกน่าเที่ยวมากๆ
ซึ่งเบตงนี่นะขอบอกก่อนนะทูกคนนน ถึงเป็นอำเภอ แต่ก็เป็นตัวของตัวเองมากจนเหมือนจะเป็นจังหวัดไปแล้วล่ะ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเมืองที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลกว่าใครเพื่อน(ให้อารมณ์แบบเมืองในหุบเขาน่ะ) สมัยก่อนหนทางก็คดเคี้ยว จะไปทีนึงคืออ้วกแตกอ้วกแตน อันนี้คอนเฟิร์มพูดจริงไม่ได้โม้ เมาจริงอ้วกจริงไม่ใช้สแตนอินน้าาาา แต่เดี๋ยวนี้ไปง่ายขึ้นแล้ว แล้วก็สร้างสนามบินของตัวเองแล้วด้วยนะขอบอกน่าเที่ยวมากๆ
ถึงเบตงจะเป็นจุดท่องเที่ยวโดดเด่นของจังหวัดยะลา
แต่วันนี้เราจะไม่ได้พาไปที่นี่หรอก(เพราะบ้านเราไม่ได้อยู่นี่555) เราจะพาไปเที่ยว ตำบลสะเตง(หมายถึง ไม้ถ่อเรือ) “อำเภอเมือง”
ยะลาจริงๆเลย!!! พาเข้าตัวเมืองกันนะจ้ะทุกคนนนนน อาจจะไม่ทั่วทั้งหมดแต่ก็คิดว่าเยอะพอสมควรสำหรับสุภาพสตรีขี่มอไซค์จะทำได้555
ซึ่งก็ได้สุภาพสตรีขี่มอไซค์กิตติมาศักดิ์ มาเป็นผู้นำเที่ยวในครั้งนี้
คนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล ก็มามี้ของเราอีกนั้นแหละ555 ครั้งนี้มามี้จะพาไปแว๊นซ์ขี่รถชมเมืองยะลาให้จุใจไปเลย
เรื่องแปลกอย่างหนึ่งจากการที่นานๆ จะได้กลับมายะลาซักที
กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรามองจังหวัดยะลาแตกต่างออกไปจากเดิมเฉยเลย
เราไม่ได้มองที่นี่เป็นแค่บ้านอีกต่อไป
แต่กลายเป็นอาณาจักรแห่งความทรงจำและความคิดถึง ที่กลับมาทุกครั้งก็เหมือนเป็นการชาร์ตแบตตัวเอง
เพื่อกลับไปต่อสู้ในเมืองหลวงอีกครั้ง!!
การกลับยะลาในทุกๆครั้ง
ทำให้เรารู้สึกเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวที่มาจากที่อื่นเฉยเลย
ทั้งๆที่เราก็เป็นคนที่นี่555 มันก็แปลกดีนะ เวลาที่หลายๆอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนไป
บางครั้งเราก็ไม่สามารถมองสิ่งๆเดิมด้วยสายตาแบบเดียวกันได้อีก ครั้งนี้ที่กลับมาหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะเลย(รวมทั้งตัวเราด้วย)
มีร้านอาหารชิคๆเก๋ ที่มีไว้ถ่ายรูปสวยๆเต็มไปหมด
ตอนเย็นๆรถก็เริ่มจะติดเลียนแบบกรุงเทพฯ555 และที่สำคัญที่สุดตอนนี้ยะลากำลัง
“ถอนสายไฟ” ออกเอาไปไว้ใต้ดินหมดแล้วนะจ๊ะ
หลายคนสงสัยว่ายะลานี่จะเดินทางกลับยังไงให้สะดวกที่สุด
อันที่จริงมีหลายวิธีเลย ทั้งนั่งรถไฟ(ใช้เวลาราวๆ 12
ชั่วโมง!) รถทัวร์
หรือบินไปลงนราธิวาสแล้วนั่งรถต่อมายะลา(อันนี้ยังไม่เคยลอง)
แต่ทางเลือกที่เราคิดว่าสะดวกสำหรับตัวเองที่สุดคือ
บินไปลงหาดใหญ่แล้วก็นั่งรถตู้มายะลา ก็จะใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินราวๆ 2 ชั่วโมง กับนั่งรถตู้อีกชั่วโมงครึ่ง ก็จอดให้ถึงหน้าบ้านเป๊ะ
ช้าดา!!! บินเข้ากลุ่มเมฆมาแป๊บเดียวก็ถึงละ
พอถึงยะลาแล้วก็จะช้าอยู่ใย
ไปทัวร์รอบเมืองยะลากันเลย ก่อนอื่น ช่วยเซย์ฮัลโหลกับหมายะลาหน่อยซิ หมาใต้ใจดียิ้มสวยนะพี่บ่าว ^^
ช่วงที่กลับมานี้ตรงกับหน้าฝนที่ยะลา บรรดาผลหมากรากไม้ตามบ้านก็พากันออกลูก โดยเฉพาะ "มะม่วงเบา" (อะไรที่เป็นลูกเล็กๆ ชาวใต้มักจะเรียกว่า...เบา>> สะตอเบา= กระถิน, แตงเบา = แตงกวา) เป็นมะม่วงลูกเล็กๆ เนื้อกรอบๆรสชาติเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดสะใจ กินกับกะปิเค็มๆรสชาติตัดกันอร่อยสุดใจ แถวนี้ขายถูกๆ แจกกันเป็นว่าเล่น เชื่อมั้ยว่าเผลอแป๊บเดียวไปโผล่กรุงเทพฯ ช่อละ 90 ไปเลยก็ย่อมได้!!! (ค่าตั๋วมันแพงน่ะนู๋...ลูกม่วงเบาคงบินไป ^^)
ก่อนที่จะให้มามี้พาไปแว๊นซ์รอบยะลา ขอเวลานอกแวะร้านซ่อมมอไซค์แป๊บ(ภาษาบ้านเราเรียกว่า รถเครื่อง) นายช่างร้านซ่อมรถเครื่องเป็นคุณพี่หนวดงามใจดี ที่พูดใต้ได้สุภาพที่สุดเท่าที่เคยฟังมา ที่ร้านคุณพี่เลี้ยงนกที่ถือว่าเป็นซิกเนเจ้อ (signature)ของแถบคาบสมุทรมลายูแล้วก็ว่าได้555 นั่นคือ "นกบินหลาดง" (นกกางเขนดง) นั่นเองเลยขอถ่ายเก็บไว้นิดส์นึง
ด้วยความที่ 3 จังหวัดชายแดนฯ เป็นพื้นที่ที่รวมผู้คนหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม และ ภาษา ตอนนี้เลยมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ง่ายขึ้นไปอีกด้วยการทำ "ป้าย"หลายภาษา ทั้ง ไทย อังกฤษ มลายู และจีน ใครใคร่อ่านภาษาใดก็เชิญตามสะดวกเลยจ้า
ระหว่างซ้อนท้ายมอไซค์มามี้ ติดไฟแดงมองนั่นมองนี่ ก็เหลือบไปมองภารกิจอันยิ่งใหญ่ของการไฟฟ้า นั่นคือการ "ถอนเสาไฟ" ใช่แล้ว ถอนไปทั้งอันเลยค่าคุณผู้ชม เพราะเขาจัดการทุกอย่างเก็บไว้ใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย เราเลยนั่งมองเขาถอนเสาไฟเพลินไปเลย
ไฟเขียวแล้วก็รีบออกรถอย่ารอช้า คนด้านหลังรออยู่ มุ่งหน้าไปสู่อาหารมื้อแรกที่ยะลา จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ ต้องเป็นร้านประจำที่หนิดหนม(กับมามี้)ก่อนเท่านั้น จัดไปเลยที่ "ครัวปราณี" ถนนโป้ห้วยอุทิศ ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆที่อร่อยไม่แพ้ใคร ด้วยอาหารจานโปรด (ไม่มีอะไรแปลกใหม่แค่ชอบเฉยๆ55) ราดหน้าทะเล และกะเพราหมูกุ้ง ไข่ดาวกินกับซอสพริก และซดนำ้ซุปกระดูกหมูคู่กัน เข้ากันสุดๆ
เสพศิลป์ รายทาง
อิ่มแล้วก็เดินทางแว๊นซ์ต่อได้ เราจะไปเสพงานศิลป์กันค่าาา เป็นงานศิลป์ตามกำแพง บังเกอร์(กำแพงหลบกระสุน+ระเบิด) ตามพื้นที่ต่างๆกัน!!
ถ้าพูดถึง "กราฟฟิตี้" (graffiti-จิตรกรรมพ่นสีบนกำแพง) ที่ยะลา ต้องที่แถวๆถนนนวลสกุล หลังห้างโคลีเซียม เป็นกราฟฟิตี้ที่เพิ่งทำเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เองภายใต้แคมเปญ Yala Bird City Street Art (ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของบ้านเป็นที่เรียบร้อย) มีศิลปินที่โด่งดังมากมายมาแพนท์ในครั้งนี้ กลายเป็นจุดถ่ายรูปชิคๆที่ต้องปักหมุดหมายกันเลยทีเดียว
และจากการตามถ่ายรูปกราฟฟิตี้ในครั้งนี้ เราก็มีเรื่องน่ารักๆ ฮาๆ มาเมาท์ต่อกันฟัง555 ก็คือในตอนที่เรากำลังหามุมถ่ายกำแพงอยู่ เอ้! มุมไหนสวยน้าาา ก็มีคุณลุงในซอยขี่มอไซค์มา มองๆเชิงสงสัย ประมาณว่า ทำอะไรกัน? ให้ช่วยไรมั้ย?
มามี้ก็ไม่รอช้าค่ะ ด้วยธรรมชาติของสุภาพสตรีขี่มอไซค์ ที่ไนซ์ระดับ 10 ก็เลยคุยด้วยเลยไม่ต้องสงสัย เลยถามคุณลุงไปว่า 'นี่เถ้าแก่คะ มีรูปแบบนี้ตรงไหนอีกคะ' (เอ้า! รู้จักกันก็ไม่บอก) เพราะที่แถวนี้เป็นบ้านติดๆกันเป็นซอยเล็กๆต่อกัน บางทีไม่ได้มาบ่อยก็ไม่รู้...'เถ้าแก่' ก็น่ารักมาก แกบอกให้ตามมาเลย แล้วก็ขี่มอไซค์นำไป "แป๊ด...แป๊ด...แป๊ด"(เสียงมอไซค์)แล้วก็อธิบายที่ทางให้เราไปดูตรงนั้นตรงนี้
'ดูได้เลย แถวนี้ปลอดภัย' เถ้าแก่ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ หลังจากที่เราขอบคุณ ขอบอกขอบใจกันเสร็จสิ้นกระบวนการ แกเลยถามส่งท้ายซะ "มาจากที่อื่นเรอะ?"!!!...อ้าว! คุยกันตั้งนานไม่ได้รู้จักกันหรอกเหรอคะ5555
ก็ตามนั้นล่ะ เราไม่รู้จักกัน555
ทั้งๆที่ไม่รู้จักลุงก็ใจดีอุส่าห์นำทางให้! ก็ยังสงสัยนะว่ามามี้ไปรู้ได้ไงว่าเขาเป็นเถ้าแก่น่ะ ปรากฏว่าอ๋อ 'ก็เดาๆเอา' ก็ได้เหรอ555...ก็ถือเป็นความน่ารักแบบธรรมชาติของคนที่นี่ ที่เราเห็นมาตลอด ซึ่งมามี้ของเราก็มีธรรมชาติพวกนี้อยู่ในตัวด้วย โดยไม่ต้องพยายามเลย ส่วนเราก็จะพยายามอยู่นะ
เมื่อรู้ที่อยู่ของกราฟฟิตี้พวกนี้แล้วก็ตะลุยถ่ายรูปกันเลยรัวๆจ้า มีรูปสวยๆกันทั้งนั้น
หลุดออกจากดงกราฟฟิตี้ ก็มาติดไฟแดงหน้าห้างโคลีเซียม เตะตากับป้ายโฆษณาหนังโดยที่ยังเป็นป้ายวาดมืออยู่ ดีใจมากๆที่งานวาดป้ายหนังที่นี่ยังไม่หายไป ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีงานไวนิล ต่างๆมากมายมาแทน สะดวกว่องไวและสะดวกกว่าก็จริง
แต่เราก็ยังรู้สึกว่า เรายังอยากให้มีพื้นที่สำหรับงานป้ายพวกนี้อยู่ เรายังอยากเห็นป้ายโฆษณาหนังที่วาดด้วยมือ แม้ว่าตอนนี้จะหายากเต็มที การได้เห็นสีสันสดใสสะท้อนแสง รอยตอกตะปูและทีแปรงที่ตวัดลงไป เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จะค่อยๆก่อตัวขึ้นให้คนที่มาชมผลงานได้กลายเป็นคนช่างสังเกตขึ้นไปโดยปริยาย รวมถึงอาจเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆสำหรับมือใหม่หัดวาด ให้กล้าที่จะสร้างสรรค์ภาพวาดของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ภาพเล็กๆในสมุดบันทึกก็ตามที...
เนื่องจากมีช่วงหนึ่งที่มีเหตุการณ์ไม่สงบหนักมากๆ มีการปา ระเบิดเข้าร้านค้านั่นนี่นู่น ตามร้านต่างๆจึงมีความจำเป็นต้องวาง "บังเกอร์" ไว้ด้านหน้าสำหรับ หลบกระสุน หรือสะเก็ดระเบิด แต่ด้วยธรรมชาติของบังเกอร์จะเป็นแค่แท่งปูนสีขาวๆ มองแล้วไม่น่าจะสดชื่นหัวใจเท่าไหร่ ด้วยความครีเอทจึงได้มีการเกิดกิจกรรมวาดบังเกอร์ให้สวยงามขึ้นมา ในความจำเป็นก็ต้องมีความสวยงามด้วยนะ ^^
ที่ยะลาศิลปะบนบังเกอร์จึงถือว่าเป็นอะไรที่เด็ดเลยทีเดียวเชียว...บางรูป ก็เป็นรูปที่เราถ่ายเก็บเอาไว้เมือปีสองปีที่แล้วที่กลับมา จะขอเอามาแปะไว้รวมกันเพราะปัจจุบันบางรูปสีก็เริ่มถูกแดดเลียเลือนหายไปบ้างอะไรบ้าง
วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง
เสพงานศิลป์กันไปแล้วก็ไปไหว้พระหน่อยเป็นไง วัดที่จะไปเป็นวัดแรกอยู่ที่ ถนนธนวิถี ช่วงที่ไปก็เป็นช่วงเย็นแล้วเลยไม่ได้เข้าไปในโบสถ์อะไรจริงจัง ก็เลยขอไหว้อยู่ข้างนอก ซึ่งวัดพุทธฯก็เปิดให้ไหว้พระได้ริมฟุตบาธกันได้เลยทีเดียวเชียว
เราเพิ่งสังเกตว่าที่หน้าบรรณของวัดพุทธนี่ เป็นรูปพระพรหมทรงหงส์ ปกติที่เราเห็นบ่อยๆมักจะเป็นพระนารายณ์ ไม่ก็พระอินทร์ สำหรับเราแล้ว เราเพิ่งเคยเห็นที่ทำเป็นรูปพระพรหม ถือว่าแปลกดีเหมือนกัน ^^
ใครไม่สะดวกเข้าไปในวัด ก็ดูซ้ายขวาว่าไม่มีรถสวนทางมาก็จอดมอไซค์ริมทางแว๊บเข้าไปไหว้พระสุริยะมุนีได้เลย
วัดซิกข์...ร่องรอยอารยธรรมอินเดียในยะลา
ไหว้พระแล้ว ก็คิดว่าจะหาผลไม้อะไรเข้าบ้านซะหน่อยเลยมาที่ ถนนรวมมิตร ตรงข้ามวัดซิกข์มีร้านขายส้มโชกุนยะลาเจ้าอร่อย...อันนี้พูดจริงไม่ได้โม้ ส้มโชกุนยะลาอร่อยๆที่สุดจริงๆในประวัติศาสตร์การกินส้มมาในชีวิตของเรา คอนเฟิร์มว่า ของเราดีจริงนะ หันหน้ามองไปอีกฟากถนน ชวนคิดถึงวัดนึงที่บางกอกซิตี้ยานพาหุรัด นั่นก็มีวัดซิกข์เช่นเดียวกันใหญ่โตมโหฬาร ยังไม่เคยเข้าไปเลยซักที(เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆแล้วกันนะ) เราคิดว่าศาสนาซิกข์เป็นศาสนาหนึ่งที่น่าสนใจนะ มีหลักคำสอนเรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์โดดเด่นมากๆ...จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ว่าใครศาสนาไหนก็สามารถเข้าวัดซิกข์ได้ เพราะเขาถือว่าเป็นศาสนาของมนุษย์ ไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร
วัดซิกข์ในยะลามีชื่อเต็มๆว่า "คุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภา ยะลา" (คุรุ=ครู/ศาสดา, ดวารา=ประตู) ที่ป้ายเขียนเป็นภาษาไทย อังกฤษ และภาษาปัญจาบี(ศาสนาซิกข์เกิดที่แคว้นปัญจาบของอินเดีย) มีศาสดาเป็น "คุรุ" 10พระองค์ ซึ่งคุรุทั้งหมดก็ได้รวบรวมคำสอนสืบต่อกันมากลายเป็น "พระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ชาฮิบ" ในปัจจุบันก็จะถือว่า ชาวซิกข์นับถือพระมหาคัมภีร์เป็นศาสดานั่นเอง
อย่างที่เล่าไปในพาร์ทแรกถึงประวัติศาสตร์ของยะลา ว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเก่าแก่ที่มีชื่อว่า "ลังกาสุกะ" ซึ่งอาณาจักรนี้เคยได้รับอิทธิพลจากอินเดียมาเนิ่นนาน วัดซิกข์แห่งนี้จึงเป็นเหมือนร่องรอยอารยธรรมอินเดียที่หลงเหลืออยู่ที่ยะลา ซึ่งในภาคใต้นี้จะมีวัดซิกข์อยู่แค่ 7 แห่งเท่านั้นเอง ยะลาก็ถูกรวมอยู่ในนั้นด้วยนะขอบอก
ร้านหนังสืออิสลาม คลังวิทยา
ไหนๆก็มาแถบๆพหุวัฒนธรรม งั้นก็ต้องไปหาหนังสือข้อมูลเพิ่มเติมใส่หัวสักนิด ส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างสนใจเรื่องศาสนาต่างๆอยู่เหมือนกัน ประชากรส่วนใหญ่ของที่นี่นับถือศาสนาอิสลาม การศึกษาศาสนาอิสลามก็เป็นสิ่งที่ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกันนะ เราคิดว่าการเรียนรู้ศาสนาเพื่อเข้าใจผู้คนมากขึ้นก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ดี ว่าแล้วก็จะพาไปเที่ยวร้านหนังสืออิสลาม ที่จะขายหนังสือเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และภาษาที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม อย่าง ภาษาอาหรับ และภาษามลายู
ร้านคลังวิทยาเวอร์ชั่นนี้ จะอยู่ในย่านที่เรียกว่า "สายกลาง" และจะมีอีกเวอร์ชั่นหนึ่งเป็นตึก 2-3 ชั้นอยู่ที่ ถนนรวมมิตร(แถวๆวัดพุทธภูมิเลย)ขายหนังสือทั่วๆไป มีตั้งแต่นิยายไปยังเตรียมสอบ
ไหนๆไปถึงที่แล้ว เลยซื้อ "อัลกุรอาน" ฉบับแปลไทยพร้อมแท่นตั้ง กลับมาด้วยเลย อยากลองอ่านมานานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเข้าใจแค่ไหน แต่ก็น่าสนใจมากๆ บอกเลยว่าร้านนี้มีอัลกุรอานแปลไทยหลายเวอร์ชั่นมากๆ ใครสะดวกแบบไหน ก็จัดไปได้เลย
ก๋วยจั๋บหมูกรอบ
หิวแล้วไปหาข้าวเย็นกินกันเถอะ...มาๆจะพาไปร้านก๋วยจั๋บที่อร่อยมากๆๆๆๆ คิดถึงตลอดๆ มาที่ถนนคชเสนี2 ตรงข้ามกับบ้านสอนพิเศษกุ๊กไก่ ร้านจะเปิดช่วงเย็นๆนะ รีบมาๆคนเยอะทุกวันพูดเลย
นำ้ก๋วยจั๊บสีนำ้ตาลแบบนำ้พะโล้ แต่จะไม่หวานเท่าจะเค็มๆแบบกลมกล่อมๆหน่อย(โปรดอย่าถามเรื่องรายละเอียดเครื่องปรุง เพราะเป็นมนุษย์ที่กินได้อย่างเดียว แยกรสชาติไม่ค่อยได้555) ใส่เครื่องใน ไข่ และหมูกรอบ ฟินสุดๆ
แค่ก๋วยจั๊บก็เพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ ไว้พาไปเที่ยวต่อในวันถัดไปล่ะนะ เย็นมากแล้วต้องรีบเข้าบ้านก่อนมืด โซ้ยก๋วยจั๊บร้อนๆให้หนำใจไปเลย
ตลาด(เช้า)มาสด้า
ตื่นเช้าสักหน่อยถ้าใครอยากจะมาเที่ยวตลาดมาสด้า เหตุผลที่เรียกงี้เพราะเป็นตลาดที่อยู่มุมถนนตรงข้ามกับบริษัทที่ขายรถมาสด้า(คนใต้ชอบแหลงสั้นๆนิ) เป็นแหล่งรวมอาหารเช้ารสเด็ดมากมายเลย แค่มาให้ทันพระบิณฑบาตรเท่านั้น!!! สายกว่านี้ก็เก็บร้านกันแล้วเด้อค่า มาแล้วต้องรีบหน่อยเพราะคนมาตักบาตรเยอะแยะเลย ไหนๆมาแล้วก็ต้องตักบาตร ไม่ตักเหมือนมาไม่ถึง ซื้อของให้พระก่อน แล้วค่อยช็อปของกินของตัวเอง มีอาหารอร่อยที่คิดถึงหลายอย่างเลย
หมูทอดไก่ทอดจัดมาเป็นชิ้นๆไปเลยสะใจอีช้อยนัก
แกงถุง ข้าวกล่องตักใส่มาให้เรียบร้อยแล้ว รวดเร็วสะดวกกับการตักบาตรช่วงเวลาเร่งด่วน ^^
ข้าวเหนียวหมูทอดพร้อมกระเทียมเจียวเท่านั้นที่เราต้องการ แค่เห็นรูปก็ได้กลิ่นแล้วนะ
อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น! สิ่งนี้ไม่ใช่ผัดซีอิ้วนะจ๊ะ ของโปรดมามี้นี่คือ "ผัดหมี่ถังแตก" เวอร์ชั่นยะลา และโปรดอย่าถามว่ามันต่างกันยังไง เราตอบไม่ได้ เอาเป็นว่ามันอร่อยดี เพราะทุกวันนี้เนื้อหมูกับไก่เราก็ยังแยกกันไม่ค่อยจะออกเลย555
กินข้าวเสร็จ ก็เหลือบไปเห็นรถตุ๊กๆ กี่ปีก็หน้าตาแบบนี้แหละ น่ารักกะทัดรัดไม่แพ้รถญี่ปุ่นนะ ในตัวเมืองยะลาไม่มีรถเมล์ หรือรถสาธารณะใดๆนอกจากตุ๊กๆเยี่ยงนี้แล (อยู่กรุงเทพฯแรกๆ ขึ้นรถเมล์คืองงมาก ก็ไม่เคยขึ้นอ่ะ ไหนบอกจอดทุกป้าย ทำไม่ต้องให้กดกริ่ง!!!555)
ตุ๊กๆยะลาชิวๆ หาง่าย ราคาย่อมเยาเรียกซ้อนกันได้เท่าที่เบาะนั่งจะพอ อยากไปไหนก็บอกได้โลด ^^
วัดยะลาธรรมาราม
สายๆหน่อยเราลอดใต้ทางรถไฟไปวัดอินดี้ๆกันเถอะ อยู่ถนนวิทูรอุทิศ12 ตอนเด็กๆมามี้ชอบพามาวัดนี้บ่อยๆ จำได้ว่าเป็นวัดที่ค่อนข้างไม่มีเงินเลยล่ะ ตอนนั้นจะมีโรงครัวที่เป็นไม้ เราก็จัดสำรับ คุ้ยจานชามจัดภัตตาหารใส่ไปถวายให้พระฉัน ตอนที่เดินไปหยิบจานในครัวจะแบบเขย่าขวัญหน่อยๆ ให้อารมณ์เหมือนเรื่องแม่นาคที่ไม้กระดานเป็นซี่เห็นพื้นใต้ถุนด้านล่างแล้วมะนาวตกลงไปอ่ะ ให้อารมณ์นั้น แต่ไม่ได้กลัวมะนาวจะตกลงไปนะ กลัวตัวเองไปทำฝากระดานเขาหักจ้า! เพราะเกิดมาปุ๊บก็อ้วนปั๊บเฉยเลย555
แต่พอโตแล้ววัดก็เริ่มพอมีเงินจะปรับปรุงนั่นนี่มากขึ้น ตอนนี้ปรับปรุงซะจนสวยเก๋เลย ก็ดีใจมากๆที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ที่นี่ไม่มีหมาหมู่นะน้องสาว มีแต่หมาในหมู่แมว
ออกจากวัดแล้วพอออกไปเที่ยวรายทางดีกว่า ไม่เจาะจงว่าเป็นที่ไหน เอาเป็นว่าแว๊นซ์ผ่านทางไหน อย่างถ่ายอะไรก็จะเอามาแปะให้ดูแล้วกันนะจ๊ะ
โรงเรียนประจำจังหวัด
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ 6 ปีด้วยกัน ม.1-ม.6 โซโล่ยาวไปเลย มีความทรงจำกับที่นี่ค่อนข้างมาก โรงเรียนก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากเท่าไหร่นะ คุณครูสมัยที่เคยสอนเราก็ย้ายที่ทำงานบ้าง เกษียญอายุไปแล้วบ้าง ก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมใครที่นี่แล้ว โรงเรียนเพิ่งจะครบรอบ 110ปี เมื่อไม่กี่เดือนนี่เองนะ ช่วงนั้นไม่ว่างกลับมา นานๆจะกลับมาที ฝากความคิดถึงไว้ที่หน้าโรงเรียนก็แล้วกัน^^
"...ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอผ่านมา..." เพลงพี่สแตมป์ก็ขึ้นเฉย55
"...ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอผ่านมา..." เพลงพี่สแตมป์ก็ขึ้นเฉย55
วงเวียนหอนาฬิกา
เพิ่งผ่านวงเวียนหอนาฬิกา ตอนนี้เขาจัดเตรียมไฟ โครงเหล็กไว้เยอะแยะมากมาย ถ้ามาช่วงค่ำๆคิดว่าคงจะสวยน่าดูเลย
หุ่นมาสคอตน้องบินหลา ให้สมกับเป็น "ยะลา เบิร์ดซิตี้" นะ
ลูกชิ้นสนามช้างฯ
นั่งชมวิวมาพักใหญ่ก็ชักจะหิว เลยอยากจะไปหาลูกชิ้นที่คิดถึงกินซะหน่อย ไปกันที่สนามช้างเผือกกันเลยจ้า
ได้เกี๊ยวมาหลากหลายแบบเลย ^^
มาสนามช้างฯ แล้วก็ต้องมาไหว้สมเด็จพระปิยมหาราช (ร.5) ช่วงนี้แดดไม่ร้อนคือโชคดีของการไหว้บนลาน เพราะพื้นหินอ่อนจะไม่ร้อน ตอนนี้เขาปรับปรุงตกแต่งจนสวยงามมากๆเลย ต้นไม้ก็ร่มรื่น
หน้าประตูทางออกมีอนุสาวรีย์ของ "พระเศวตสุรคชาธาร"(พระ-สะ-เหวด-สุ-ระ-คะ-ชา-ทาน) เป็นช้างเผือกที่พบใน อำเภอรามัน ซึ่งผู้ว่าฯได้ถวายให้ในหลวงรัชกาลที่9 เมื่อ พ.ศ.2511 นู้นน่ะ
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
มุ่งหน้าจากสนามช้างเผือกตรงไปอีกนิดไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกันเถอะ ถ้าใครเคยเห็นภาพถ่ายผังเมืองยะลา (ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีผังสวยที่สุดด้วยนะ)จะเห็นจุดศูนย์กลางของวงกลม ตรงนั้นก็คือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง
เสาหลักเมืองที่ยะลานี้ ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ จากป่าที่กาญจนบุรี ซึ่งกรมป่าไม้สมัยนู้นนำมาให้ กรมศิลปากรออกแบบแล้วก็แกะสลักให้ด้วย ยอดเสาเป็นรูปพระพรหม 4 หน้า เป็นหลักของความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีการทำพิธีแบบครบเซ็ตทั้งพุทธ พราหมณ์ และวันที่มีพิธีฝังหลักเมือง ทางกรรมการอิสลาม โต๊ะอิหม่าม กอเต็บ บิหล่าน ก็มีการสวดดูอาเพื่อขอพรด้วยนะ
ตลาดประชาชื่น
หลังจากไหว้พระกันหนำใจอิ่มบุญกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาหาอาหารเย็นอีกครั้ง วันนี้จะพาไปเที่ยวตลาดแหล่งอาหารอร่อยอีกที่(ที่เพิ่งเปิดและยังไม่เคยไป) อยู่แถวๆย่าน "คุรุ" ตรงไปอีกนิดก็จะเป็น หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏ มีอาหารน่ากินไปหมดเลย และที่อยากนำเสนอในวันนี้คือ..."ขนมโมเลน"
ขนมโมเลน
ขนมโมเลน(เอาจริงๆเราก็เพิ่งเจอนะอันนี้) ก๊ะ(พี่สาว ในภาษามลายู)คนขาย บอกว่ามันเป็นขนมของทางอินโดนีเซีย ที่เราว่ามันให้อารมณ์เหมือนเกี๊ยวกล้วยอะไรทำนองนั้น
จะกินให้อร่อยขึ้นด้วยการใส่นำ้ตาลไอซิ่ง และราดช็อกโกแลตไปเลยจ้า
ซามารอเด็ง/ กรือโป๊ะ
สิ่งนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว เขาเรียกกันว่า "ซามารอเด็ง"(ไม่รู้เขียนยังไง น่าจะเป็นภาษามลายู) หรือบางคนจะเรียกรวมกับเวอร์ชั่นที่ทำเป็นข้าวเกรียบด้วยเลยว่า "กรือโป๊ะ" หรือจะเรียกง่ายๆสไตล์ภาษาไทยว่า "หัวเกรียบ" หรือ "หนังตีน!"
พูดให้เห็นภาพคือมันเป็นเหมือนลูกชิ้นรวมเนื้อปลาที่หนึบๆ รสชาติจะประมาณลูกชิ้นปลาระเบิดเวอร์ชั่นแน่นหนึบและเข้มข้นกว่า กินกับนำ้จิ้มแบบแม่ประนอม ของแท้รสชาติดั้งเดิมว่ากันว่าต้องมาจากนราธิวาสเท่านั้นนะจ๊ะ ตอนนี้มีที่เป็นเวอร์ชั่นข้าวเกรียบ(ปลา)บรรจุหีบห่อสวยหรูส่งไปขายแบบกินง่ายขายไวที่บางกอกแล้วด้วยนะ เท่าที่เคยเจอจะมีขายที่ golden place และ ที่ทำการไปรษณีย์ จ้า อยากให้ลอง มันอร่อยนะ
พูดให้เห็นภาพคือมันเป็นเหมือนลูกชิ้นรวมเนื้อปลาที่หนึบๆ รสชาติจะประมาณลูกชิ้นปลาระเบิดเวอร์ชั่นแน่นหนึบและเข้มข้นกว่า กินกับนำ้จิ้มแบบแม่ประนอม ของแท้รสชาติดั้งเดิมว่ากันว่าต้องมาจากนราธิวาสเท่านั้นนะจ๊ะ ตอนนี้มีที่เป็นเวอร์ชั่นข้าวเกรียบ(ปลา)บรรจุหีบห่อสวยหรูส่งไปขายแบบกินง่ายขายไวที่บางกอกแล้วด้วยนะ เท่าที่เคยเจอจะมีขายที่ golden place และ ที่ทำการไปรษณีย์ จ้า อยากให้ลอง มันอร่อยนะ
กล้วยหินทอด
กล้วยทอดธรรมดาโลกจะไม่จำนะขอบอก ที่นี่ถ้าจะเป็นกล้วยทอดต้องเป็น "กล้วยหิน" นะจ๊ะ ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นมักจะใช้กล้วยนำ้ว้าทอด มาใต้ต้องได้กินนะกล้วยหินนนนน แต่ส่วนตัวเราถูกจริตกับการเอามาต้มใส่เกลือนิดๆมากกว่า ^^
ลูกเนียงต้ม
อันนี้ถือว่าเด็ดจริง หากินยากด้วย ประการแรก คือหาคนทำเป็นยาก การจะต้มลูกเนียงให้อร่อย กินเป็นของว่างได้ไม่ใช่เรื่องหมูๆ อีกอย่างคือมาไม่ตรงช่วงที่มันจะแก่พอที่จะทำได้ อย่างช่วงนี้ที่กลับมาก็ยังไม่ถึงช่วงที่มันแก่พอ เลยขอเอารูปของ 2 ปีที่แล้วมาโชว์ให้ดูว่ามันน่ากินแค่ไหนนนนน...
ฝนตกที่บ้าน
ช่วงนี้อย่างที่บอกไป เป็นช่วงฤดูฝนแล้ว ท้องฟ้าจะมืดหน่อยๆ ถึงฝนตกก็ไม่เป็นไรเพราะเรามีร่ม
ช่วงนี้อย่างที่บอกไป เป็นช่วงฤดูฝนแล้ว ท้องฟ้าจะมืดหน่อยๆ ถึงฝนตกก็ไม่เป็นไรเพราะเรามีร่ม
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เราคิดถึงทุกครั้งเมื่อนึกนึงยะลาคือ
“ฝน” จำได้เลยว่าที่นี่ฝนจะตกบ่อย เรียกได้ว่ามี แค่สองฤดู เท่านั้นมีแค่หน้าฝน
และหน้าร้อน ซึ่งบางทีหน้าร้อนฝนก็ยังตก!
เราคิดไปเองว่าฝนที่นี่ตกไม่เหมือนที่อื่น
เป็นฝนที่ให้ความรู้สึกของ “บ้าน” เป็นฝนที่โดนแล้วก็เปียกเหมือนกันแหละ
แต่ก็มีความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในนั้นเฉยเลย ที่นี่ฝนจะสามารถตกโซโล่ไปได้เลยทั้งวัน
เป็นสไตล์ตกปรอยๆละอองเล็กๆ ลมพัดเย็นๆ และขังน้ำเอาไว้ในรองเท้า555 (สมัยเรียนขังบ่อยมาก)
การใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในตอนนี้ที่กรุงเทพฯ
ทำให้เราค้นพบและตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เรายิ้มน้อยลงไปหรือเปล่านะ?’
‘บ่อยแค่ไหนที่เราจะได้มานั่งสังเกตสายฝน และหยดน้ำที่ปลายกิ่งไม้’
นั่นไม่ใช่เพราะเราทุกข์มากแต่อย่างใด แต่มันอาจเป็นแค่เพราะสภาพความจำเป็นของสังคมที่ทำให้เราเร่งรีบ
และแข่งขันอยู่เสมอ
บางครั้งก็ไม่มีเวลาหรือกะจิตกะใจจะสังเกตสิ่งเล็กๆรอบตัวบางอย่าง
เช่นต้นไม้ที่เดินผ่านตรงนี้ทุกวันออกดอกแล้ว ทั้งๆที่มันไม่เคยออกเลย
มีใครบางคนเอาน้ำแดงมาวางไว้ข้างเสาไฟฟ้า
หรือแม้กระทั่งใครบางคนที่เคยนั่งตรงนี้เสมอๆ เขาไปไหนแล้ว! ณ เวลานั้น
เราอาจจะสนแค่ว่าฝนจะตกแล้วทำยังไงให้ไปถึงที่หมายก่อนที่รถจะติดยาว
การจะไว้ใจใครสักคนที่กรุงเทพฯ
สำหรับเราเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ
ซึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาและเลี่ยงไม่ได้สำหรับเมืองใหญ่ๆที่เป็นเมืองหลวง
ที่ซึ่งผู้คนจากหลายที่หลายถิ่นหลังไหลเข้ามาเพื่อไขว่คว้าหาโอกาสในชีวิต
เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามาเลย ฝ่าฟันผู้คน
และรถติดเพื่อที่จะไปทำงานให้ทัน บางครั้งก็แอบคิดว่า
ในโลกอนาคตเราจะสามารถถอดกายละเอียดไปทำงานแทนจะได้มั้ยน้า 555
เราคิดว่าเราน่าจะไม่ได้ยิ้มมากเกินกว่า 3.279
วินาทีเลย(ตัวเลขจินตนาการ55)ในระหว่างที่ติดแหงกอยู่บนท้องถนน
รอคอยให้รถขยับตัวไปทีละนิดละนิด แม้ว่าระยะทางมันจะไม่ได้ไกล แต่กลับสามารถใช้เวลาอยู่ตรงนั้นได้เป็นชั่วโมงๆ!
รอยยิ้มส่วนใหญ่ในช่วงระหว่างนี้มักจะมาจากโซเชียลมีเดีย ทุกคนพากันก้มหน้าก้มตาดื่มด่ำกับพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เพราะยังไม่พบใครที่น่าไว้วางใจพอที่จะมอบรอยยิ้มอันจริงใจให้แก่กัน
มิจฉาชีพที่เห็นมากมายในข่าวทำให้เราไม่กล้าแม้แต่จะให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆกับใครที่ไม่รู้จัก
จะช่วยอะไรใครสักทีก็ต้องคิดหน้าคิดหลังเยอะแยะไปหมด จนกลับกลายเป็นว่า
นี่เรากลายเป็นคนเพิกเฉยกับการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆต่อเพื่อนมนุษย์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? แต่เรื่องเศร้าคือมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
เพราะมิจฉาชีพมีอยู่เยอะมากๆนะฮ้าคูณผู้ชม “เอ็นดูเขา แต่เอ็นเราขาด”
ก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเหมือนกัน!
ร้านคาเฟ่แห่งใหม่
กลับมาครั้งนี้พบว่ามีร้านอาหาร คาเฟ่ เปิดใหม่เยอะแยะเลย เลยลองเข้ามากินร้านนี้ "เดอะ ลิฟวิ่งรูม" ตรงข้ามโรงเรียนนิบง (นิบง หมายถึง ต้นเหลาชะโอน) มีความแต่งร้านเก๋ไก๋สไตล์ญี่ปุ่น สามารถเห็นร้านทำนองนี้ได้ที่บางกอกซิตี้บ่อยๆ พอมาถึงยะลาก็ต้องมาลองซะหน่อยนะ
กลับมาครั้งนี้พบว่ามีร้านอาหาร คาเฟ่ เปิดใหม่เยอะแยะเลย เลยลองเข้ามากินร้านนี้ "เดอะ ลิฟวิ่งรูม" ตรงข้ามโรงเรียนนิบง (นิบง หมายถึง ต้นเหลาชะโอน) มีความแต่งร้านเก๋ไก๋สไตล์ญี่ปุ่น สามารถเห็นร้านทำนองนี้ได้ที่บางกอกซิตี้บ่อยๆ พอมาถึงยะลาก็ต้องมาลองซะหน่อยนะ
จำไม่ได้แล้วว่าสั่งเมนูอะไรมากิน แต่เป็นพวกผัดฉ่าอะไรทำนองนี้แหละ รสชาติอร่อยเลยนะ เป็นอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นๆ มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นๆ
บิงซูสตรอว์เบอร์รีี่ก็ดีนะ กินไปกินมาจะหมดแล้ว โอ๊ว มีใส้ให้อยู่ด้านล่าง เซอร์ไพรส์ไปอีก แต่ปัญหาของเราอย่างนึงในการกินพวกบิงซูนำ้แข็งใสอะไรเทือกๆนี้คือ เค้าจะตกแต่งพอกๆนำ้แข็งให้สูงเป็นภูเขา เวลากินเลยต้องระวังหนักมากไม่ให้มันหล่น เอาจริงๆถ้าเป็นไปได้เราอยากให้เขาใส่โคม(กะละมัง)มาให้มากๆเลย ทางเราไม่เน้นสวยฮ่ะ แค่อร่อยพอ555 แต่เลือกไม่ได้อ่ะ ทุกร้านเค้าทำมาสวยทั้งนั้นเลย ก็ต้องระวังกันเองอ่ะนะ ไม่รู้ใครมีปัญหาเดียวกับเราบ้างมั้ย ^^
โรตีไม่ใส่นม โรยแค่นำ้ตาล คือดีมากๆๆๆ นุ่มหอมหวานอาหย่อยยยย
หน้าร้านก็จะมีการจัดพร็อพให้เผื่อใครชอบถ่ายรูปเก๋ๆชิคๆ
สวนศรีเมือง & ตลาดเมืองใหม่
กินเสร็จแล้วก็ไปแว๊นซ์ทะลุตลาดสดกันหน่อย ผ่านไปทาง"สวนศรีเมือง" เป็นเหมือนสวนที่ตั้งใจจะทำเป็นสวนสาธารณะอีกที่นึงตอนเพิ่งสร้างเสร็จกำลังสวย ราวๆปี2546 สร้างเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ริมแม่นำ้ปัตตานี(ที่เห็นไหลผ่านตรงกลางน่ะนะ) ด้วยงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ เราเองก็เคยไปเที่ยวเล่นอยู่ช่วงนึง(ก็ช่วงที่เพิ่งเสร็จนั่นแหละ) บรรยากาศดีมากๆ ลมเย็นสบาย มาออกกำลังกายก็ได้ หรือมาแฮงค์เอาท์เก๋ๆยามเย็นก็ดีงาม
แต่มีช่วงหนึ่งที่สถานการณ์ไม่ดีเลย มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นอีกแล้ว มีการฟันคอ ฆ่ากันตายเกิดขึ้น ที่นี่ก็เลยเริ่มเป็นสถานที่ที่คนไม่ค่อยไว้วางใจที่จะมาแล้ว กลายเป็นว่า จุดที่ตั้งใจจะให้มีการประมูลทำเป็นร้านค้าขายของ พื้นที่นั่งชิวๆ ลานสำหรับเดินวิ่ง ก็ไม่ได้ครึกครื้นเท่าที่ตั้งใจจะทำไว้ตั้งแต่แรก มาถึงทุกวันนี้ ก็เลยเป็นเหมือนจุดชมวิวขี่รถผ่านระยะสั้นๆ ให้ได้คิดถึงความหลังว่า ครั้งนึงมันเคยจะสวยมากๆแล้วล่ะ
ทะลุสวนศรีเมืองเข้าไปข้างในก็จะเป็นตลาดสดอันกว้างขวาง ที่ถูกจัดออกเป็นหลายโซน เราเรียกที่นี่วา "ตลาดสดเมืองใหม่" ในยะลามีหลายตลาดเลยที่เหล่าคุณแม่บ้าน ลูกเด็กเล็กแดง หรือวันรุ่นเอาะๆฮิตไปกัน มีทั้ง ตลาดใหม่ ตลาดเก่า ตลาดสด(อีกที่นึง) ตลาดลาดพร้าว(แถวๆวัดยะลาธรรมาราม ตรงนั้นมีต้นมะพร้าวเยอะมากๆๆๆ) ตลาดมาสด้า ตลาดประชาชื่น ฯลฯ
หน่วยบริการประชาชนตรงนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างโดนระเบิดบ่อย เลยมีนวัตกรรมขึงตาข่ายอะไรต่างๆเพื่อป้องกันการปาระเบิดเข้ามา
ที่ตลาดเมืองใหม่จะมีมัสยิดหลังใหญ่ตั้งอยู่หลังหนึ่ง ที่นี่จะมีลำโพงเครื่องเสียงที่ได้ยินเสียง "อะซาน"(เป็นการแจ้งเตือนผู้ละหมาด)ค่อนข้างชัดเลย ช่วงไหนที่ถึงช่วงเวลาละหมาด บรรดาชาวมุสลิมก็จะมาละหมาดที่นี่กันเยอะแยะเลย
ร้านประเทือง
ใกล้ค่ำแล้ว ก็มาหาอะไรกินกันอีก ครั้งนี้เรามาร้านเก่าแก่ที่เราเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย มีการปรับปรุงร้านใหม่(โดยคุณลูกคนหลานของเจ้าของร้านล่ะนะ)ทำให้เก๋ๆชิคๆกว่าเดิมสุดๆไปเลย มีชื่อในเวอร์ชั่นอัปเดตนี้ว่า "วั๊นส อีทเทอรี่ บาย ประเทือง"
เดิมทีร้านนี้มีชื่อเดิมว่า "ประเทือง" เป็นร้านอาหารเล็กๆสไตล์ไทยๆมีป้ายไม้ใหญ่ๆสลักคำว่าประเทืองอยู่ข้างหน้า ปลูกต้นม่านพระอินทร์ไว้ที่กำแพง (ที่จำได้เพราะมันเด่นมาก มันเป็นเหมือนมู่ลี่สีชมพูห้อยย้อยลงมาเต็มเลย) ตอนแรกที่เขารีโนเวท เราก็ไม่รู้นะว่าเขาจะปรับปรุงร้าน ก็เดาไว้ในใจว่า เขาอาจจะปิดร้านไปแล้ว หรือย้ายร้านไปเลย เพราะว่าปิดร้านอยู่นานหลายปีเลยนะ จนเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี่เอง จนในที่สุด ท้าดา!! นี่ไง! เค้ารีโนเวทเสร็จแล้วนะคุณผู้ชมมมม ถือเป็นการคัมแบคที่สวยงามและน่าประทับใจ จัดร้านได้สวยงาม อาหารก็อร่อยไม่ผิดหวัง
ใกล้ค่ำแล้ว ก็มาหาอะไรกินกันอีก ครั้งนี้เรามาร้านเก่าแก่ที่เราเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย มีการปรับปรุงร้านใหม่(โดยคุณลูกคนหลานของเจ้าของร้านล่ะนะ)ทำให้เก๋ๆชิคๆกว่าเดิมสุดๆไปเลย มีชื่อในเวอร์ชั่นอัปเดตนี้ว่า "วั๊นส อีทเทอรี่ บาย ประเทือง"
เดิมทีร้านนี้มีชื่อเดิมว่า "ประเทือง" เป็นร้านอาหารเล็กๆสไตล์ไทยๆมีป้ายไม้ใหญ่ๆสลักคำว่าประเทืองอยู่ข้างหน้า ปลูกต้นม่านพระอินทร์ไว้ที่กำแพง (ที่จำได้เพราะมันเด่นมาก มันเป็นเหมือนมู่ลี่สีชมพูห้อยย้อยลงมาเต็มเลย) ตอนแรกที่เขารีโนเวท เราก็ไม่รู้นะว่าเขาจะปรับปรุงร้าน ก็เดาไว้ในใจว่า เขาอาจจะปิดร้านไปแล้ว หรือย้ายร้านไปเลย เพราะว่าปิดร้านอยู่นานหลายปีเลยนะ จนเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี่เอง จนในที่สุด ท้าดา!! นี่ไง! เค้ารีโนเวทเสร็จแล้วนะคุณผู้ชมมมม ถือเป็นการคัมแบคที่สวยงามและน่าประทับใจ จัดร้านได้สวยงาม อาหารก็อร่อยไม่ผิดหวัง
จริงๆอาหารมีเยอะกว่านี้แต่ด้วยความหิวหน้ามืดตาลายเลยถ่ายไว้ไม่ทัน555 ถ่ายทันเฉพาะแกงจืดหม้อแรกที่เสิร์ฟแล้วตักแบ่งใส่ถ้วยมานั่งมองเก๋ๆ55 เมนูที่เราขอแนะนำคือยำถั่วพู อร่อยนัวอย่าบอกใคร!!
ร้านซัวเถา ติ่มซำ
แอ๊กอีแอ๊กกกก เช้าแล้วๆ ที่นี่ไม่มีไก่ แต่อยากขันเอง55 เช้านี้จะพาไปกินติ่มซำเจ้าประจำ กินบ่อยมากๆๆ ตอนที่อยู่ยะลา
ไปร้านนี้กันเลย "ซัวเถา" ไม่แน่ใจว่าคุณลุงเจ้าของร้านมาจากจีนซัวเถาหรือเปล่าต้องไปถามกันเองนะ จริงๆร้านนี้ไม่ได้ขายแค่ติ่มซำอย่างเดียว เป็นร้านที่มีเคาท์เตอร์โชว์ทำกับข้าวอยู่หน้าร้าน 2 เคาท์เตอร์ มีทั้งกระกูลข้าวมันไก่ และโจ๊ก+ติ่มซำ
ตอนแรกร้านนี้อยู่ที่ ถนนรวมมิตร ขายดิบขายดีคนเข้าเยอะมากๆ แต่ว่าร้านโดนปาระเบิด! ใช่เลยโดนปาระเบิดใส่จริงๆ ระเบิดจริงไม่ใช่สร้างสถานการณ์ คุณลุงเลยตัดสินใจย้ายร้านไปที่ถนนพิพิธภัคดีแทน
ร้านซัวเถา ติ่มซำ
แอ๊กอีแอ๊กกกก เช้าแล้วๆ ที่นี่ไม่มีไก่ แต่อยากขันเอง55 เช้านี้จะพาไปกินติ่มซำเจ้าประจำ กินบ่อยมากๆๆ ตอนที่อยู่ยะลา
ไปร้านนี้กันเลย "ซัวเถา" ไม่แน่ใจว่าคุณลุงเจ้าของร้านมาจากจีนซัวเถาหรือเปล่าต้องไปถามกันเองนะ จริงๆร้านนี้ไม่ได้ขายแค่ติ่มซำอย่างเดียว เป็นร้านที่มีเคาท์เตอร์โชว์ทำกับข้าวอยู่หน้าร้าน 2 เคาท์เตอร์ มีทั้งกระกูลข้าวมันไก่ และโจ๊ก+ติ่มซำ
ตอนแรกร้านนี้อยู่ที่ ถนนรวมมิตร ขายดิบขายดีคนเข้าเยอะมากๆ แต่ว่าร้านโดนปาระเบิด! ใช่เลยโดนปาระเบิดใส่จริงๆ ระเบิดจริงไม่ใช่สร้างสถานการณ์ คุณลุงเลยตัดสินใจย้ายร้านไปที่ถนนพิพิธภัคดีแทน
ติ่มซำยะลาจะกินให้อร่อยต้องกินกับซอสพริกนะขอบอก (จิ๊กโช่ว เอาไปเก็บก่อนเด้อ มากันคนละงาน ^^) อร่อยและราคาย่อมเยามากๆๆๆ กินกับโจ๊กชามโต รสชาติอันคุ้นเคย
กินอาหารเสร็จแล้ว เหลือเวลาที่จะอยู่ในยะลาอีกไม่มากเพราะจะต้องกลับพระนครบางกอกกันเสียแล้ววว ก็เลือกจะไปดื่มด่ำกับบรรยากาศในบ้านอันคุ้นเคยดีกว่า
ผ้าห่มอุ่นๆ และตุ๊กตาน้องหมีขมุกคลุกละอองฝุ่นที่หัวเตียง55
สิ่งสำคัญคือแพ็คของสิคะ หลังจากเที่ยวกินกระหน่ำช็อปกระจายไปหลายที่ก็ถึงเวลาจัดกระเป๋าสำหรับขึ้นเครื่องในวันถัดไป (รวมถึงส่งพัสดุตามมาสมทบด้วย555) ไว้เจอกันใหม่นะยะลา เราจะโตไปด้วยกัน…
สิ่งสำคัญคือแพ็คของสิคะ หลังจากเที่ยวกินกระหน่ำช็อปกระจายไปหลายที่ก็ถึงเวลาจัดกระเป๋าสำหรับขึ้นเครื่องในวันถัดไป (รวมถึงส่งพัสดุตามมาสมทบด้วย555) ไว้เจอกันใหม่นะยะลา เราจะโตไปด้วยกัน…
มารอบหน้ารอลุ้นกันว่าบรรยากาศเมืองไร้สายไฟจะงามปะล่ำปะเหลือแค่ไหน
และจะมีภัตตาคารอาหารหรูมาเปิดหน้าบ้านเพิ่มหรือเปล่านะ555
ไว้จะมาเมาท์ถึงกันใหม่…รักและคิดถึงเสมอ^^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- หนังสือ 212 ปี เมืองยะลา
- ปัตตานี: การค้าและการเมืองการปกครองในอดีต โดย รศ.ดร. ครองชัย หัตถา
- ชื่อบ้านนามเมืองภาษามลายูในคาบสมุทรภาคใต้ของไทย
- https://siamrath.co.th/n/18581
- https://www.m-culture.go.th/mculture_th60/download/Sikhism.pdf
- https://e-service.dra.go.th/sikhism.php?p=place
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเที่ยวยะลา...พาไปแว๊นซ์
โดย มามี้ สุภาพสตรีขี่มอไซค์กิตติมาศักดิ์ ^^
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเที่ยวยะลา...พาไปแว๊นซ์
โดย มามี้ สุภาพสตรีขี่มอไซค์กิตติมาศักดิ์ ^^
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น