ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
"ภควัทคีตา" จัดทัพมา...ต้องพารบ
Bhagavad Gita
ภควัทคีตา(ภควัท=พระเป็นเจ้า ซึ่งหมายถึงพระกฤษณะร่างก๊อปปี้พระนารายณ์, คีตา=บทเพลง รวมกันเป็น บทเพลงของพระเป็นเจ้า แปลบ้านๆก็คือคำสอนของพระกฤษณะนั่นเอง)
เป็นตอนหนึ่งในเรื่องมหากาพย์ “มหาภารตะ” ซึ่งถือเป็นคัมภีร์แยกไปได้อีกคัมภีร์นึง ที่ฮิตและโด่งดังมาก ถือว่ามีอิทธิพลต่อชาวอินเดียมาก พูดได้ว่า รู้จักมหาภารตะ ต้องรู้จักภควัทคีตา ของมีมาคู่กัน
ซึ่งภควัทคีตาจะอยู่ในตอนที่ 6 ในมหาภารตะ (ภีษมบรรพ)เป็นตอนที่ อรชุน หนึ่งในบอยแบนด์ปาณฑพกำลังจะเผชิญหน้ารบกับฝ่ายเการพ ณ ทุ่งกุรุเกษตร โดยนำทัพมาโดยปู่ที่เลี้ยงดูมาแต่เด็ก เพราะอันที่จริงแล้วสงครามนี้ก็คือสงครามระหว่างญาติพี่น้องนั่นเอง
อรชุนก็เลยเกิดอาการหดหู่หนักมาก ไม่อยากรบแล้วจะเททุกอย่างตรงนี้!! พระกฤษณะที่เป็นญาติสนิทและช่วยขับรถศึกให้ขณะนั้นจึงประทานคำสอนเตือนสติ
คำสอนของพระกฤษณะนี้จะเกี่ยวของกับปรัชญาทางศาสนาค่อนข้างหนักอยู่ ต้องมีการตีความหลายชั้น มีความโยงไปถึงคัมภีร์อุปนิษัทของฮินดู เป็นอภิปรัชญา(ปรัชญาว่าด้วยความมีอยู่และความแท้จริงของสรรพสิ่งในโลก) ที่เป็นสาขาปรัชญาที่ศึกษาความจริงที่มีอยู่เหนือประสาทสัมผัส อย่างพวกจิตวิญญาตและพระเจ้า
โดยภควัทคีตาเป็นเหมือนบทกวีที่ทำให้คลายความสับสน เวลาไร้ที่พึ่ง ให้รู้ชัดในสิ่งที่มีอยู่แท้จริงให้พ้นจากความทุกข์ มีทั้งหมด 701 โศลก แบ่งเป็น 8ตอน (อัธยายะ) ซึ่งแบ่งเป็นเนื้อหากว้างๆได้ 3 ช่วง
ช่วงแรกคือตอนที่ 1-6 จะพูดถึงทางที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ช่วงที่สอง คือตอนที่ 7-11 พูดถึงลักษณะการปรากฏของพระนารายณ์
ช่วงสุดท้าย คือ ตอน 12-18 เป็นหลักคำสอนใหม่ที่ไม่เคยมีเกี่ยวกับความรักของเทพเจ้ากับผู้ที่จงรักภัคดี หลังจากนั้นก็จะเป็นทวนคำสอนทั้งหมด
…
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในมหาภารตะนี้ คือตอนที่ทุกๆฝ่าย เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะต้องรบแน่ๆก็พากันรวบรวมไพร่พล พากองทัพกันไปพร้อมรบเต็มที่ ณ ทุ่งกุรุเกษตร โดยสงครามในยกแรกมีอรชุนเป็นผู้นำทัพไป
เมื่ออรชุนได้เห็นกองทัพฝ่ายตรงข้ามที่นำทัพโดยปู่ภีษมะ(ที่ก็มาช่วยรบตามหน้าที่) มีแต่ญาติๆกันทั้งนั้นก็เกิดดราม่าหนักมาก ร้องห่มร้องไห้ หน้าซีดตัวสั่นทิ้งทุกอย่างลงไปนั่งกองกับพื้นแล้วบอกพระกฤษณะว่า
“ข้าจะเทสงครามทุกอย่างแล้ว จะไม่รบแล้วทำใจฆ่าญาติด้วยกันไม่ได้จริงๆ มันบาปโคตรๆเลย ไม่ไหวแล้วไม่ได้จริงๆ!!” ทีนี้พระกฤษณะเห็นท่าว่าหนักแล้ว เลยเริ่มอธิบายธรรมะ
…
พระกฤษณะก็พยายามอธิบายว่า เนี่ย!สงครามครั้งนี้มันเป็นสงครามที่ชอบธรรมนะ มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ จู่ๆจะมาเทไม่ได้ มันไม่ใช่เวลามางอแงเลย เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะต้องทำศึกนะ ไม่เค้าตายเราก็ตาย
“รบเถิดอรชุน! เพราะหากท่านตายในสนามรบ สวรรค์ก็ยังเปิดประตูรอท่านอยู่ แม้นหากว่าท่านมีชัย ความเป็นใหญ่ในแผ่นดินก็รอให้ท่านครอบครองอยู่แล้ว”
พยายามอธิบายถึงเรื่องของ “อาตมัน”(Atman) ที่ประมาณว่าเป็นจิตวิญญาณที่แท้ทรูของทุกคน ที่ไม่มีวันเสื่อมสลายไป การตายก็เป็นแค่การพังของร่างกายแต่จิตวิญญาณนั้นก็ยังอยู่นะ จะมีการเวียนว่ายตายเกิด และธรรมมะนั่นนู่นนี่โซโล่ยาวเลย
“คนเราหากเพียรพยายามเข้าหาความบริสุทธิ์ ความพากเพียรนั้นย่อมช่วยให้เขาสามารถเอาชนะใจตนเองได้”
“จงรีบขวนขวายทำความดีเถิด การทำความดี ย่อมประเสริฐกว่าการหายใจทิ้งเปล่าๆ โดยไม่ได้ทำสิ่งอันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนและคนอื่น”
“การเวียนว่ายตายเกิดนี้เป็นกฎของชีวิต ทุกคน ทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพ ล้วนแล้วแต่ต้องเวียนว่ายไปตามกฎของชีวิตอันนี้”
“ผู้ใดอุทิศตนให้แก่หน้าที่โดยไม่บกพร่อง ผู้นั้นย่อมประสบความสมบูรณ์แห่งชีวิตได้ ไม่ว่าเขาจะเกิดใหนวรรณะสูงหรือต่ำก็ตาม”
“คนเรานั้น เมื่อเกิดมาก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติเกิดตามมาด้วย หน้าที่นั้น บางคราวอาจก่อความยากลำบากก็ไม่พึงละทิ้ง อันการริเริ่มกระทำกิจทุกอย่างย่อมมีความยากลำบากเป็นธรรมดา…”
พออรชุนได้ฟังธรรมมะบางอย่างแล้วก็เกิดคำถามต่อยาวให้พระกฤษณะตอบคำถามไปเรื่อยๆ และในที่สุดอรชุนก็เข้าใจและตกลงเข้าร่วมศึก รบกันด้วยหน้าที่ของความเป็นกษัตริย์ อย่างสุดความสามารถ!!
จนท้ายที่สุดก็อย่างที่รู้ๆกันว่าฝ่ายตรงข้ามก็คือแพ้ยับเยิน ตายกันเป็นเบือ แต่ทางผู้ชนะก็ไม่ใช่ว่าจะได้มีชีวิตแฮปปี้เอเวอร์อาฟเตอร์เพราะก็มีกรรมชดใช้ ชะตาชีวิตยับเยินไม่แพ้กันเลย
อ้างอิง
- วิทยานิพนธ์ การศึกษาเปรียบเทียบธรรมบท และภควัทคีตา โดย พระมหาสำเนียง เลื่อมใส (บทที่ 3)
- ภควัทคีตา เรียบเรียงโดย สมภาร พรมทา
ขอบคุณภาพจาก
Mahabharata - Giampaolo Tomassetti and Krishna Dharma (Indian Art Series)
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น