“สี ของความรักและความเกลียดชัง คือสีแดงเหมือนกัน…
แต่ต่างกันตรงที่ ความเกลียดชังนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำลายล้างโลก…
หากแต่ในความรัก มันจะทำลายตัวเอง ซึ่งในรอยตำหนินั้นเอง จะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกได้ถึงมัน”
(- Roop : Kalank)
ช่วงนี้กำลังเรียนภาษาฮินดีอย่างเข้มข้น เลยขอฝึกภาษาด้วยการดูหนังบอลลีวูดรัวๆไปเลย อาจจะหยิบมาเมาท์บ่อยหน่อยนะ เราดูไปหลายเรื่องเลยแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องล่าสุด ที่อยากยกมาเป็นเรื่องแรก Kalankเป็นหนังอินเดียที่โปรดักชั่นใหญ่ระดับพันล้าน ทั้งนักแสดง เสื้อผ้าหน้าผม ฉากต่างๆเรียกได้ว่าจัดเต็มสวยงามไม่ผิดหวัง
งานเต้นก็อลังมากธรรมดาโลกไม่จำนี่จัดมาเป็นกองทับเลยจ้า เต้นทั้งเมือง เอาเป็นว่าแค่ได้ดูงานภาพของเขาก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะ และที่สำคัญเรื่องนี้บทดีมากๆเลยจริงๆมี Qoute หลายอย่างที่กินใจและทำให้ฉุกคิดได้หลายอย่างเราดูจบแล้วคืออินมาก ต้องมาเมาท์ต่ออย่างว่อง! (ใครสนใจก็หาดูได้ในเว็บ einthusan นะจ๊ะ)
สำหรับเรื่องนี้จะเป็นยุคสมัยสไตล์วินเทจๆหน่อย ยังไม่ถึงกับโบราณไปเลย แต่เป็นช่วงที่ใช้พิมพ์ดีด เครื่องอัดเสียง โรงพิมพ์แบบแท่นโบราณๆอะไรประมาณนั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองสมมุติที่ทุกอย่างถูกเซ็ตไว้สวยงามเวอร์วังอลังการมากๆ แต่คิดว่าเหตุการณ์ในเรื่องน่าจะอิงมาจากเรื่องจริงของสักช่วงนึงของประวัติศาสตร์แหละนะ
(สปอล์หน่อยๆ)
เรื่องของเรื่องเริ่มต้นมาจากมีเจ้คนหนึ่ง ค้นพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งและกำลังจะตาย ภายใน 1 ปี! ด้วยความที่รักสามีมาก กลัวว่าวันนึงตัวเองตายแล้วจะไม่มีใครอยู่กับสามี จะมีลูกให้สามีไม่ได้ นางก็เลยไปคุยกับบ้านที่เคยมีบุญคุณกันขอลูกสาวเขาให้ช่วยมาเป็น “ภรรยาคนที่ 2” ของสามีให้ที! และแน่นอนค่ะ บ้านนั้นก็คือบ้านนางเอก
นางเอกก็ได้แต่งงานเข้าไปอยู่เป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าของหนังสือพิมพ์สุดหล่อแบบไม่ค่อยเต็มใจ แต่บ้านพี่แกก็รวยมากเป็นคฤหาสน์ชนิดที่ทุกคนมีห้องส่วนตัวได้เลย นางก็เลยได้มีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง โดยมีเจ้ภรรยาคนแรกป่วยออดๆแอดๆคอยเชียร์แบบเศร้าๆอยู่ห่างๆ
แต่คุณสามีก็ออกตัวไว้แต่แรกแล้วว่า พี่แกรักภรรยาคนแรกมากๆ ที่แต่งด้วยเพราะภรรยาขอไว้ คือดิวกันไว้แต่แรกเลยว่าต่างคนต่างอยู่นะน้องหนู นางเอกก็เซ็งอยู่แล้วพอเจอสามีทำเฉยชาใส่ก็ยิ่งเซ็ง เลยขอเจ้ภรรยาเบอร์1 ขอไปเรียนร้องเพลงกับ ป้าที่เป็นหญิงคณิกาเก่าๆอีกย่านนึง ส่วนเวลาที่เหลือ เจ้เบอร์1แกก็ขอให้ไปช่วยงานคุณสามีที่สำนักพิมพ์ เพราะนางเอกก็มีการศึกษาทำงานเป็นอะไรประมาณนั้น
และแล้วนางก็ได้โปรแจคอยากเขียนบทความเกี่ยวกับ ย่านที่นางไปเรียนร้องเพลงอยู่ ไปเสนอคุณสามี ฝ่ายนั้นก็เหมือนกับอยู่ห่างๆดูอย่างห่วงๆอยู่แล้ว รู้ว่านางเอกเก่งก็เหมือนชื่นชมๆแกอยู่เบาๆแหละก็อนุญาตให้ทำเพราะอยู่สายให้อิสระทางความคิดอยู่แล้ว
นางเอกก็เลยได้ดิวงานและรู้จักกับพ่อหนุ่มตีดาบคนหนึ่ง ที่รู้ทั้งรู้ว่านางแต่งงานแล้วก็ยังมาตามเมาท์ ตามพาเที่ยว ก็ทำงานไป พาไปแฮงค์เอาท์นั่นนี่นู่น ในความใกล้ชิดก็เลยกลายเป็นความรักขึ้นมา! แล้วพอเริ่มถึงจุดนี้ ความจริงบางอย่างก็เริ่มเผยออกมาว่า พ่อหนุ่มตีดาบคนนี้มีเหตุผลบางอย่างที่เข้ามาในชีวิตนาง มีเบื้องหลังครอบครัวนั่นนี่ แล้วยังจะมีเรื่องของการเมือง มีการจะก่อจลาจลในเมืองกันวุ่นวายเลย
พอถึงเวลาภรรยาเบอร์1 ป่วยหนักไม่ไหวแล้วก็ตายลงทุกอย่างก็เป็นอย่างที่นางตั้งใจไว้แต่แรกคือจะให้นางเอกมาแทนที่ แต่คุณสามีก็ยังไม่โอเคไง เพราะพี่แกก็รักคนแรกมากก็ยังไม่ค่อยเปิดใจกับนางเอกเท่าไหร่ แต่พักนึงก็เหมือนจะพอทำใจได้และเข้าใจถึงความทุกข์ของนางเอกที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากมี กลับต้องมาติดแหง็กอยู่นี่
ช่วงนี้คุณสามีก็เหมือนเริ่มเปิดใจรู้สึกดีๆด้วยมากขึ้นแล้ว คุณสามีก็เลยให้อิสระนางเอกตัดสินใจว่ามาถึงจุดนี้ ให้นางเลือกเองว่า นางอยากเป็นอิสระมั้ย? หรือนางอยากจะไปต่อในความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาให้สุดไปเลย?
ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจนั่นนี่ นางเอกก็ดันได้รู้ความจริงบางอย่าง นางเลยตัดสินใจสานต่อความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาอย่างจริงๆจังๆกับคุณสามี ทั้งๆที่ใจก็ยังรักพ่อหนุ่มตีดาบอยู่ ในช่วงหลังของเรื่องนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะประดังประเดเข้ามาให้ชวนลุ้น บีบคั้นความรู้สึกอยู่เหมือนกัน
ส่วนที่ชอบนอกเหนือจากทุกอย่างที่เมาท์ไปตอนแรกคือเรื่องของ คาแรกเตอร์ตัวละคร เราค่อนข้างชอบคาแรกเตอร์ของสามีนางเอกที่สุดนะ เราขอเลือกให้พี่แกเป็นพระเอกของเรื่องในมุมมองของเรา เรารู้สึกว่าเรื่องราวในเรื่องเหมือนถูกนำเสนอในลักษณะของนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ของคุณสามีและนางเอก และเหตุการณ์หลักของเรื่องก็เหมือนจะโยงไยกับพี่แกเป็นหลัก (ซึ่งบางคนอาจเทใจให้พ่อหนุ่มตีดาบก็ไม่ว่ากัน)
เราคิดว่าคาเรกเตอร์ของคุณสามีนี่เป็นคาแรกเตอร์ที่แสดงออกยาก แต่เขาก็แสดงได้ชัดและเข้าใจได้เลยว่ามันยังไง ทั้งๆที่บริบทตรงนั้นบางทีมันคลุมเครือมากๆ ตรงนี้เราก็ต้องแอบให้คะแนนคุณนางเอกด้วยเพราะนางก็แสดงดีจริงๆ อันที่จริงนักแสดงทุกคนแสดงดีหมดแหละแต่เราแค่ประทับใจเป็นพิเศษ
.
อีกอย่างคือเราชอบค่อนข้างชอบความสัมพันธ์ของสามีและนางเอกนะ มันน่าอึดอัดอยู่ แต่มันก็สนใจดีนะ เราคิดว่าถ้าตัดเรื่องปัจจัยอื่นๆรอบตัวไปก่อน ไม่สนเรื่องที่นางเอกชอบพ่อหนุ่มตีดาบมากกว่า หรือคุณสามีรักภรรยาคนแรกที่สุด เอาจริงๆแล้วเราว่าสองคนนี้ก็อยู่กันได้นะมีไลฟ์สไตล์ ความชอบ และความเข้าใจอะไรเหมือนๆกัน เพียงแค่ยังไม่มีใครอยากจะเปิดใจรับกันและกันมากกว่าเหมือนยังมีกำแพงที่ยังก้าวข้ามไปไม่ได้
ซึ่งเราชอบการนำเสนอแบบนี้นะนักแสดงก็แสดงได้ดีคือ ในความดูต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งกันของทั้งสองคนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่ว่าเกลียดกันอ่ะ แค่เหมือนต่างคนยังอยากมีพื้นที่ของตัวเองอยู่ แต่มันก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้ได้ เลยกลายเป็นความสัมพันธ์ “พยายามจะเฉยเมย” ซะมากกว่า ในขณะเดียวกันต่างฝ่ายก็ค่อยๆได้รู้จักกันทีละนิด ค่อยๆเห็นมุมดีๆของกันและกันทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจเลย ซึ่งก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในความสัมพันธ์แบบนี้นะ ตรงกับที่นางเอกพูดเอาไว้ตอนนึงว่า
“ในบางความสัมพันธ์ ก็เหมือนกับการเป็นหนี้ คุณไม่ต้องเติมเต็ม แต่คุณต้องตอบแทน”
มีฉากนึงตอนใกล้จบแล้ว(สปอยล์) เราชอบฉากนี้มากๆเป็นฉากแค่คว้ามือนางเอกมาไม่ให้นางหล่นรถไฟ เหมือนเป็นการตอบคำถามของเราที่วนไปวนมาตลอดเรื่องเลยว่า ตกลงคุณสามีชอบนางเอกบ้างมั้ย…
พี่แกแสดงได้ชัดเจนมากว่า อันที่จริงแล้วพี่แกก็ชอบนางเอกนะอาจไม่ได้รักเท่าคนแรกแต่ก็รู้สึกดีด้วยล่ะ แล้วก็รู้ชัดเจนเลยตอนนั้นว่าแกก็รู้ว่าคนที่อยู่ในใจนางเอกตลอดๆก็คือพ่อหนุ่มตีดาบคนนั้น! เรื่องนี้สำหรับเราเลยกลายเป็นเหมือนการนำเสนอความสัมพันธ์ของสามีภรรยาที่อยู่ในสถานการณ์ที่อีหลักอีเหลื่อ ต่างคนต่างก็ก็มีคนที่ “รัก” ที่สุดอยู่แล้วในใจนั่นแหละ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ต้องใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ก็ไม่รู้จะมีอะไรดีเกิดไปกว่าการช่วยเยียวยาซึ่งกันและกัน เข้าใจ ยอมรับ และเดินหน้าต่อไปด้วยกัน บางทีเรื่องราวทั้งหมดนี้ อาจจะขึ้นอยู่ว่าเรามองมันให้เป็นมุมไหน…จุดด่างพร้อยในชีวิต หรือ ความรัก ที่ครั้งหนึ่งมันเคยได้เกิดขึ้นมา
.
“ความสัมพันธ์ของสามีภรรยา ไม่ควรผูกมัดกันด้วยประเพณี แต่ควรเป็นความรัก”




***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น