"ศกุนตลา" รักแท้ๆ...แค่อย่าด่าแม่ก็พอ
“ศกุนตลา” …รักแท้ๆ แค่อย่าด่าแม่ก็พอ!
(Shakuntala From The Mahabharata)
เป็นวรรณคดีสันสกฤตที่พระเอกนางเอกด่ากันได้แซ่บมากๆ ขอบอก
อยากจะแนะนำว่าถ้าด่ากันเบอร์นี้แล้วก็ต่อยกันเถอะค่ะ คนอ่านจะไม่ทน555
เชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นชื่อวรรณคดีเรื่องนี้แน่ๆ เพราะว่ามีอยู่ในหนังสือแบบเรียน…วันนี้เรามาเมาท์ถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจังกันเถอะ
แรกเริ่มเดิมทีนั้น “ศกุนตลา” เป็นหนึ่งใน ‘เรื่องแทรก’ ที่อยู่ในมหากาพย์สุดยิ่งใหญ่ของอินเดีย “มหาภารตะ” ซึ่งเป็นเรื่องราวการสู้รบของลูกพี่ลูกน้องฝ่ายปาณฑพและเการพ (ไว้จะมาเมาท์เรื่องนี้แยกอีกที) โดยเรื่องศกุนตลานี้จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องทั้งสองฝั่งนี้เพราะถือว่าเป็นบรรพบุรุษเขาแหละนะ เพราะศกุนตลา คือแม่ของ “ท้าวภารต” ผู้ที่เป็นกษัตริย์อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ‘มหาภารตะ’ และชื่อประเทศ ‘ภารต’ (ชาวอินเดียเรียกประเทศตัวเองว่า ภารต)
ซึ่งศิลปินหลายท่านก็ได้มีการนำเรื่องศกุนตลานี้มาเรียบเรียงและตีความในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองตามยุคสมัย อย่างเช่นกวีโบราณของอินเดีย ‘กาลิทาส’ แต่งเป็นบทละคร “อภิชญานศากุนตลมะ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง และนอกจากนี้คือวรรณคดีที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเด็กคือ “บทละครเรื่อง ศกุนตลา” พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจาก “ราชาวิศวามิตร” (เป็นตัวละครที่เชื่อมโยงถึงเรื่อง รามายณะด้วยนะ ตอนหลังไปเป็นอาจารย์สุดซี๊ปึ๊กของพระราม และพระลักษมัณ) ได้เดินทางไปล่าสัตว์ในป่า แล้วก็ดันไปเจออาศรมของฤๅษีชื่อดังคนหนึ่งชื่อว่า “ฤๅษีวสิษฐ” ซึ่งฤๅษีคนนี้ได้ครอบครองแม่วัววิเศษตัวหนึ่ง ที่ได้มาจากการกวนเกษียณสมุทร (ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ให้เหล่าเทพต้องร่วมมือกับอสูร แก้ไขคำสาปบางอย่างด้วยการกวนทะเลน้ำนม แล้วก็ได้ของวิเศษออกมามากมาย) วัวตัวนี้เป็นวัวที่ขออะไรก็ได้ ให้ได้ทุกอย่าง
แล้วราชาวิศวามิตรก็ดันอยากได้แม่วัวของฤๅษีซะนี่! พอขอดีๆก็ไม่ให้ เลยต้องตบตีแย่งชิงสร้างกองทัพกันมาวุ่นวาย แต่ในที่สุดราชาวิศวามิตรก็แพ้ไป(ซึ่งตอนหลังสุดๆเลยสองคนนี้ก็ดีกันได้อยู่นะ) ก็เลยเป็นเหตุผลให้เขาเซ็งๆมากๆ แล้วก็คิดว่าเป็นวรรณะกษัตริย์นี่มันช่างต่ำต้อยกว่าวรรณะพราหมณ์อะไรอย่างนี้นะ ไม่ได้สิทธิในการครอบครองของวิเศษเลย! ว่าแล้วราชาวิศวามิตรก็ติสต์แตก ลาออกจากการเป็นราชา แล้วออกบวชจร้า!!!
การบวชของวิศวามิตรนี้ไม่ใช่การเป็นนักบวชแบบไก่กาอาราเร่ เพราะทางฤๅษีเขาก็มีระดับขั้นของนักบวชที่แบ่งตามเลเวลตบะของแต่ละคน ราชาวิศวามิตร ซึ่งตอนนี้กลายเป็น “ฤๅษีวิศวามิตร” ไปแล้วก็บำเพ็ญตบะหนักมากๆจนได้ขั้นสูงเลย แต่แค่นั้นยังไม่พอเขาอยากจะให้ได้สูงแบบขั้นเทพๆก็เลยบำเพ็ญตบะแบบสุดโต่งไปเลย
ร้อนไปจนถึงพระอินทร์(อินทรเทพ) กลัวว่าด้วยตบะอันแก่กล้าของฤๅษีวิศวามิตรจะทำให้ตำแหน่งของพระองค์ต้องสั่นคลอน จึงวางแผนสกัดดาวรุ่ง สั่งให้หนึ่งในนางอัปสรที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร(อีกแล้ว) ชื่อนาง “เมนกา” ซึ่งเป็นนางอัปสรที่สวยที่สุดและแก่งมากๆ ไปยั่วยวนทำลายการบำเพ็ญตบะของฤๅษีวิศวามิตร
นางเมนการู้ดีว่าตบะของฤๅษีวิศวามิตรนั้นขั้นเทพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสามารถกระทืบเท้าให้ทั้งโลกสะเทือน หรือยกเขาพระสุเมรุก็ยังได้ แม่นางอัปสรสุดสวยเลยเสนอให้พระอินทร์ช่วยส่งเทพเจ้าลม และเทพเจ้าแห่งความรักไปช่วยนางอีกแรง จนในที่สุดภารกิจของนางเมนกาก็สำเร็จ!
จนนางเมนกาตั้งครรภ์ และตบะของฤๅษีวิศวามิตรเริ่มอ่อนลง เขาเริ่มรู้แล้วว่ากำลังถูกสกัดดาวรุ่งอยู่ก็เลยตัดสินใจ ‘เท’ นางเมนกาและลูก ออกเดินทางไปบำเพ็ญตบะอย่างหนักอีกครั้ง ส่วนนางเมนกาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจทิ้งลูกสาวที่เพิ่งคลอดนั้นไว้ในป่าริมฝั่งแม่น้ำมาลินา และขอให้บรรดา “นก” ทั้งหลายช่วยดูแลลูกของนางจนกว่าจะมีใครมาเจอและรับมาเลี้ยง ส่วนนางก็กลับไปทำหน้าที่นางอัปสรอย่างที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นมา
จนในที่สุดก็มีคนมาเจอ คนผู้นั้นคือ “ฤๅษีกัณวะ” เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงถูกทิ้งไว้ก็คิดจะนำไปเลี้ยงเป็นลูกสาว เห็นมีนกคอยเลี้ยงดูอยู่ก่อนก็เลยตั้งชื่อให้ว่า“ศกุนตลา” (ผู้ที่มีนกเลี้ยงดู)
พอศกุนตลาโตขึ้นมาก็กลายเป็นสาวสวยโคตรๆ ประจวบเหมาะกับการประพาสป่าของ “ท้าวทุษยันต์” พระราชาแห่งเมืองหัสตินาปุระ(เมืองของพี่น้องปาณฑพ-เการพในเรื่องมหาภารตะ) แน่นอนว่ากีฬาของราชาคือการล่าสัตว์ พอสาวน้อยศกุนตลาเห็นว่าพระราชากำลังจะล่าสัตว์ก็ออกมาห้าม บอกว่าป่าแห่งนี้ห้ามล่าสัตว์นะ
ท้าวทุษยันต์เห็นสาวสวยศกุนตลาก็ตกหลุมรักทันที คุยกันไปคุยกันมาก็เกิดถูกคอ ท้าวทุษยันต์ก็ขอนางศกุนตลาแต่งงาน แต่ตอนนั้นฤๅษีกัณวะออกไปแสวงบุญที่อื่น ศกุนตลาไม่กล้าตัดสินใจเลยส่งกระแสจิตไปขอพ่อ ปรากฏว่าด้วยตบะขั้นเทพของฤๅษีกัณวะ ก็รู้ว่าเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นก็เลยอนุญาตให้แต่งงานกันได้
ในที่สุดก็เป็นอันว่าท้าวทุษยันต์ได้แต่งงานกับนางศกุนตลาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นแค่การคล้องมาลัยอย่างง่ายๆ หลังจากแต่งงานแล้วท้าวทุษยันต์ได้ให้สัญญาว่าเมื่อกลับถึงเมืองจะส่งราชรถมารับให้ไปอยู่วังด้วยกัน แล้วก็ได้ให้ “แหวนประจำตำแหน่ง” เป็นที่ระลึกกับนางไว้ก่อนจะเดินทางกลับเมืองไป
แล้วความซวยก็กำลังเกิดขึ้นเมื่อ “ฤๅษีทุรวาส”(ฤๅษีจอมสาป) เดินทางมายังอาศรมที่ศกุนตลาอยู่ แต่ในขณะที่นางอยู่ในห้วงรัก และเพิ่งจากกับสามีทำให้ใจลอย ทำให้การต้อนรับฤๅษีได้ไม่ดีพอ ฤๅษีผู้ขี้โมโหเลยจัดการสาปเข้าให้ ให้ ‘ไม่ว่าใครที่เจ้ากำลังคิดถึง ให้คนนั้นลืมเจ้าไปเลย!” เพื่อนของศกุนตลาฟังแล้วก็ตกใจเลยขอให้ฤๅษีช่วยถอนคำสาป แต่ก็ตามเสต็ป สาปแล้วถอนไม่ได้ เลยแก้ให้นิดนึงว่า “ให้กลับมาจำได้ เมื่อเจอของที่ใช้แทนใจ ก็แล้วกัน”
วันเวลาผ่านไป ศกุนตลาตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาระยะหนึ่งแล้ว ท้าวทุษยันต์ก็ยังไม่ส่งราชรถมารับ ฤๅษีกัณวะผู้เป็นพ่อก็เลยอนุญาตให้ศกุนตลาไปตามสามีที่หัสตินาปุระเถอะ มันน่าจะถึงเวลาแล้ว
(Shakuntala From The Mahabharata)
เป็นวรรณคดีสันสกฤตที่พระเอ
อยากจะแนะนำว่าถ้าด่ากันเบอ
เชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นชื่อ
แรกเริ่มเดิมทีนั้น “ศกุนตลา” เป็นหนึ่งใน ‘เรื่องแทรก’ ที่อยู่ในมหากาพย์สุดยิ่งให
ซึ่งศิลปินหลายท่านก็ได้มีก
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจาก
แล้วราชาวิศวามิตรก็ดันอยาก
การบวชของวิศวามิตรนี้ไม่ใช
ร้อนไปจนถึงพระอินทร์(อินทร
นางเมนการู้ดีว่าตบะของฤๅษี
จนนางเมนกาตั้งครรภ์ และตบะของฤๅษีวิศวามิตรเริ่
จนในที่สุดก็มีคนมาเจอ คนผู้นั้นคือ “ฤๅษีกัณวะ” เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงถูกทิ้
พอศกุนตลาโตขึ้นมาก็กลายเป็
ท้าวทุษยันต์เห็นสาวสวยศกุน
ในที่สุดก็เป็นอันว่าท้าวทุ
แล้วความซวยก็กำลังเกิดขึ้น
วันเวลาผ่านไป ศกุนตลาตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาระยะหนึ่งแล
เป็นไปตามคำสาปของฤๅษีขี้โม
ศกุนตลา : “…ข้าแต่พระราชา พระโอรสองค์นี้ดุจเทพผู้มาจ
ทุษยันต์ : “เราจำอะไรไม่ได้เลย โอ้หญิงชั่วร้ายผู้มาในลักษ
โอ้ ศกุนตลา เราไม่รู้เลยว่าเรามีโอรสกั
ศกุนตลา: “ ข้าแต่มหาราชา พระองค์ทรงทราบทุกสิ่งทุกอย
“…ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงเห็นความผิดของผู
“…นางเมนกา เป็นหนึ่งของผู้ที่อยู่บนสว
“…ถ้าหากพระองค์ปฏิเสธในสิ่
…………..
เมื่อเขาด่ากันจนเหนื่อยแล้
จนวันเวลาผ่านไป ถึงวันที่ท้าวทุษยันต์เดินท
แต่ช้าไปแล้ว ทุกคนได้ย้ายที่อยู่ไปหมดแล
แต่เหมือนโชคยังคงเข้าข้างพ
ท้าวทุษยันต์ก็ดีใจหนักมาก ร้องห่มร้องไห้จนลูกชายงงว่
ซึ่งโอรสของท้าวทุษยันต์และ
“ภา=แสงสว่าง” “ระตะ=การกระทำ” รวมกันเป็น การกระทำที่นำมาซึ่งแสงสว่า
อ้างอิงจาก
(1)วิทยานิพนธ์ บทบาทและฐานะสตรีในมหาภารตะ โดย ภิญโญ บุญทอง (บทสนทนาที่แปลจากภาษาสันสกฤต)
(2)ประวัติศาสตร์อินเดีย โดย รงรอง วงศ์โอบอ้อม
(3) http://chandrapubl.com / shakuntala . pdf
(4) https://www.exoticindiaar t.com/ article/ shakuntala/
.
ปล.ใครที่สนใจอ่าน ศกุนตลา เวอร์ชั่นกวีกาลิทาส ลองอ่านได้ในนี้นะ
(2)ประวัติศาสตร์อินเดีย โดย รงรอง วงศ์โอบอ้อม
(3) http://chandrapubl.com / shakuntala . pdf
(4) https://www.exoticindiaar t.com/ article/ shakuntala/
.
ปล.ใครที่สนใจอ่าน ศกุนตลา เวอร์ชั่นกวีกาลิทาส ลองอ่านได้ในนี้นะ
https://o ll.libe rtyfund.org/ti tles/kalida sa-transla tions-of-shaku ntala-and-oth er-works
ส่วนพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 6 สามารถหาเจอได้ในห้องสมุดต่างๆ ร้านหนังสือเก่า(คิดว่าน่าจะมีที่ตีพิมพ์ใหม่อยู่บ้างนะลองไปตามดู)
.
ขอบคุณภาพจาก
http://m arcianito sverdes. ha aan. com/ 2007/ 09/los- nios-salv ajes-primera -pa rte/
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น