ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
เรื่องสั้น "ขนุน" by ปัญจาลี
“แกร๊ก!!”
เสียงของใบมีดด้ามยาวเงาเป็นมัน ตัดผ่านระหว่างตัวฉัน กับพี่ๆออกจากกัน บ้านอันแสนอบอุ่นของเรา ถูกแยกออกเป็นสองซีก ชายวัยกลางคนหยิบฉันออกมา แล้วส่งให้เด็กหญิงตากลมผมยาวคนหนึ่งที่นั่งถัดจากเขา
“เหลืองน่ากินจริงๆ น่าอร่อยนะลูก...ลองชิมดูสิ”
ชายคนนั้นพูดกับเด็กหญิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ว่าแต่ เขาเรียกฉันว่าอะไรนะ? ‘เหลืองน่ากินจริงๆ’ อย่างนั้นหรือ...? นั่นจะเป็นชื่อของฉันไหมนะ ฉันไม่เคยรู้ชื่อของฉันมาก่อนเลย ฉันอยากรู้จัง!
เด็กหญิงตัวน้อยกำฉันไว้ในมือไว้แน่น เธอกลัวฉันจะกระโดดหนีออกแน่ๆ 'โถ่หนูน้อย! ฉันกระโดดไม่ได้หรอนะ!' ฉันกระซิบบอกเธอ แต่เธอก็คงไม่ได้ยินหรอก หนูน้อยอ้าปากกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ ที่ยังงอกไม่เต็มปากแล้วกัดลงบนตัวฉันอย่างรวดเร็ว
“กรุบๆๆ”
เธอกัดส่วนที่เคยหุ้มฉันเอาไว้... ตอนนี้ฉันก็ล่อนจ้อนแล้วสิ เธอเคี้ยวไปยิ้มไปแก้มปริ เธออาจดีใจที่เห็นฉันล่อนจ้อนก็เป็นได้!
“อร่อยมากเลยค่ะพ่อ”
เด็กหญิงพูดทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่ มือเล็กๆยังคงกำฉันเอาไว้แน่นราวกับว่าฉันเป็นสิ่งล้ำค่า
“ใส่เมล็ดไว้ในถ้วยนี่สิลูก เดี๋ยวพ่อจะเอาไปปลูกหลังบ้าน”ชายคนนั้นเลื่อนถ้วยให้กับเด็กหญิงตัวน้อย ที่เขาเรียกว่า ‘ลูก’
แต่ เอ๊ะ! เขากำลังพูดถึงฉันอยู่หรือเปล่า ‘เมล็ด’ที่เขาพูดถึงหมายถึงฉันหรือใช่ไหม? อ้าวแล้วตกลงฉันชื่อ ‘เหลืองน่ากินจริงๆ’ หรือ ‘เมล็ด’ กันแน่ล่ะเนี่ย? ฉันควรถามใครดีนะ...?
ฉันนอนอยู่ในถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวสดใสอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็พาฉันไปเที่ยวในสถานที่ ที่เขาเรียกว่า ‘สวนหลังบ้าน’
เขาขุดหลุมลึกพอประมาณ ผสมดินกับปุ๋ยขี้วัว พรวนดินนิดหน่อยแล้วหย่อนฉันลงไปในนั้น ใช้ดินกลบตัวฉันให้รู้สึกอบอุ่น รดน้ำพอให้ฉันชุ่มชื้น แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน แล้วฉันก็กลับมามองอะไรไม่เห็น อีกครั้ง…
ฉันอยู่ด้านล่างพื้นดินนี้ มีความสุขมากทีเดียวล่ะ อากาศเย็นสบาย มีอาหารเยอะแยะมากมาย น่าจะเพียงพอให้ฉันกิน ไม่นานนักฉันก็เริ่มรู้สึกว่า เปลือกหุ้มด้านนอกที่อยู่ติดกับตัวฉันเริ่มปริออก พอที่จะให้ น้ำ ความชื้น และอากาศได้ผ่านเข้าไปได้ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีมากเชียวล่ะ มันเป็นสิ่งที่กำลังบอกฉันว่า “ฉันกำลังจะโตแล้วนะ!”
เป็นอย่างที่คิดไว้ ตัวฉันสูงขึ้นเรื่อยๆ จนออกมาสูดอากาศภายนอกได้ และได้ยินเสียงต่างๆที่ฉันรัก เสียงลมพัด เสียงนกร้องยามเช้า เสียงอึ่งอ่างคางคก และแมลงพากันร้องราวกับประชันกันเป็นท่วงทำนองประหลาดในวันที่ฝนตกหนัก ที่สำคัญ ฉันชอบฟังเสียงคนคุยกัน และเสียงเพลงที่ดังขึ้นมาจากบ้านหลังนั้นที่อยู่เบื้องหน้าฉันนี่เอง ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่แผ่ออกมาจากสถานที่แห่งนี้
มีบางส่วนในตัวของฉันตะโกนออกมาบอกกับฉันว่า 'ฉันกำลังมีครอบครัวใหม่' แม้ว่าฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ชอบที่จะให้มันเป็นอย่างนั้นนะ เด็กหญิงตัวน้อยกับพ่อของเธอดูแลฉันเป็นอย่างดี คอยรดน้ำ พรวนดิน และใส่ปุ๋ยให้ฉันบ่อยๆ บางวันพวกเขาก็มาคุยเล่นกับฉัน ราวกับว่าฉันจะตอบพวกเขาได้จริงๆ แต่อันที่จริงแล้วฉันตอบพวกเขานะ! เพียงแต่พวกเขาอาจจะไม่ได้ยิน สายลมรอบตัวฉันพัดแรงเกินไป
ฉันเริ่มสังเกตได้ว่าตัวฉันเริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ สีผิวจากที่เป็นสีเขียวๆ ก็ค่อยๆกลายมีสีน้ำตาลเจือเข้ามา และเป็นสีน้ำตาลเข้มในที่สุด เปลือกสีน้ำตาลเข้มนั้นตะโกนเข้ามาข้างในเพื่อให้ฉันได้ยินว่า “ เรากำลังจะแข็งแรงขึ้น ทุกวันๆ” ฉันชอบที่จะได้ยินแบบนั้น
วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อเลย ตอนนี้ ฉันโตขึ้นจนเกือบเท่าหลังคาบ้านของคนที่ปลูกฉันแล้ว ส่วนเด็กหญิงคนนั้น เธอโตไปพร้อมๆกับฉัน และกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งจนฉันอดอิจฉาไม่ได้ แต่สิ่งที่ฉันยังข้องใจมานาน ยังไม่ได้ถูกเฉลย เพราะฉะนั้น ฉันอยากจะถามเธอว่า
‘ฉันชื่ออะไร หรือจ๊ะ’
แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจคำถามของฉันไหมหนอ?
... เธอคงไม่แม้แต่จะได้ยิน
...
ไม่นานนัก วันนั้นก็มาถึง ฉันได้รู้ชื่อที่แท้จริงของฉัน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันกำลังจะสูญเสียบางอย่างไป
.
“ไปก่อนนะ ขนุน แล้วจะมาเยี่ยมนะจ๊ะ”
สาวน้อยเอ่ยขึ้นกับฉัน เอ๊ะ! “ขนุน” หรือ นี่!..เธอเฉลยคำตอบแล้วละสิ…ชื่อของฉันชื่อของฉันคงจะเป็น ‘ขนุน’สินะ ในที่สุดฉันก็รู้สักที
ไม่ทันที่ฉันจะตะโกนบอกถึงความดีใจของฉัน เธอก็กอดฉัน แล้วโบกมือลา เธอจับมือผู้ชายคนที่เธอเรียกว่า พ่อ พากันขนของขึ้นรถบรรทุกคันใหญ่แล้วขับออกไป ฉันมองพวกเขาห่างออกไปเรื่อยๆ รถบรรทุกค่อยๆเล็กลง เล็กลงทุกที จนหายลับตาไป สู่สถานที่แห่งใหม่ที่ฉันก็ไม่เคยจินตนาการถึง
ฉัน อยากจะตามพวกเขาไปเหลือเกิน ไม่มีเหตุผลเลยที่จะปลูกฉันแล้วทิ้งฉันเอาไว้อย่างนี้ ถ้าไม่มีพวกเขาฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างไรล่ะ แม้ว่าฉันจะอยากไปมากแค่ไหน แต่ฉันยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ที่เดิมที่พวกเขาเคยปลูกฉันขึ้นมา กระซิบคุยกับชื่อใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ถึงครอบครัวใหม่ของฉันที่กำลังเลือนหายไปในพริบตา…
หลังจากนั้นเป็นต้นมา บ้านที่เคยมีเสียงหัวเราะ ร้องไห้ เสียงเพลงจากวิทยุ เสียงโทรทัศน์ ก็กลับกลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่ ตัวบ้านถูกปิดกลอนไว้อย่างหนาแน่น ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากลมพัดหวีดหวิว ชวนขนหัวลุก มันช่างเงียบเหงาอะไรเช่นนี้
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า พวกเขาก็ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกอ่อนแรง เมื่อยล้า ผิวเริ่มหมองคล้ำ ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวลงทุกทีๆ และดูเหมือนว่ามีต้นอะไรบางอย่างมาพันที่แขนของฉัน มันไม่ได้แค่พันอย่างเดียวเสียด้วย มันเจาะเข้าไปถึงในตัวฉัน แย่งน้ำ และอาหารจากฉันไปจนหมด ฉันหิวเหลือเกิน ทำไมพวกเขาไม่กลับมาหา ‘ขนุน’ ของพวกเขากันบ้างนะ ทำไมมีแต่ฉันที่คิดถึงพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียว ฉันคิดถึงพวกเธอนะ ฉันคิดถึงสองพ่อลูกจริงๆ...
บ่ายวันหนึ่งที่แดดจ้ากว่าวันอื่นๆ ฉันได้ยินเสียงประหลาดบางอย่างดังมาทางด้านหลังของฉัน ทันใดนั้น ฉันก็เห็นเครื่องมืออันน่าสยดสยองที่กำลังเลื่อยผ่านลำตัวเพื่อนๆต้นไม้ของ ฉันอย่างรวดเร็ว จนเห็นเป็นทางโล่งเตียน
ต้นไม้ที่ถูกตัด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วในความรู้สึกของฉัน ฉันได้ยินเสียงเพื่อนๆกำลังร้องไห้ ประสานกันไปกับเสียงเครื่องมืออันโหดร้ายนั้น ทำไมไม่มีใครได้ยินบ้าง ? หรือจะไม่มีใครสนใจเรา? ไม่มีใครต้องการพวกเราแล้วหรือ ?
“ช่วยด้วย !”
ฉันตะโกนสุดเสียง แต่มันคงสายไปเสียแล้ว หรือไม่ก็ไม่มีใครได้ยิน เครื่องมืออันโหดร้ายกำลังค่อยๆตัดผ่านลำตัวของฉัน ฉันกำลังจะถูกแยกออกเป็นสองส่วน ภาพความทรงจำและความสุขที่ฉันเคยได้รับไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ฉันอยากเก็บมันไว้ให้นานเท่านาน อยากซึมซับและรู้สึกได้ถึงมันในทุกๆวันที่ฉันอยากจะคิดถึง แต่คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
‘ตึง!’
ฉันล้มลงอย่างแรง กิ่งและใบของฉันร่วงหล่นลงตามพื้น กระเด็นกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ฉันเจ็บมาก และทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในวินาทีนั้นเอง…ฉันนึกถึงสองพ่อลูกที่ปลูกฉันขึ้นมา…
ขอบคุณนะที่ทำให้ฉัน รู้จักกับความผูกพัน และความคิดถึง ขอบคุณ นกที่มาเกาะบนแขนของฉัน พร้อมกับกล่าวคำว่าอรุณสวัสดิ์ในทุกๆ เช้า ขอบคุณตะไคร่น้ำ มด แมลงทุกๆชนิดที่เป็นเพื่อนคุย เมื่อยามฉันเหงาและขอบคุณผืนดินผืนนี้ ที่ทำให้ฉันทรงตัวอยู่ และเติบโตขึ้นมาได้
ในห้วงคำนึงของฉัน เสียงหัวเราะและภาพความสุขของสองพ่อลูกยังคงวนเวียนอยู่กับฉัน และเหมือนจะได้ยินเสียงโทรทัศน์ กลิ่นหอมของอาหาร และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ฉันเคยได้รับเมื่อฉันยังเป็นขนุนต้นเล็ก…
แต่ มันคงจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของฉันเท่านั้น เพราะความเป็นจริง สองพ่อลูกไม่มีวันกลับมา เขาไม่เคยคิดถึงต้นขนุนของเขาอีกแล้ว ตั้งแต่ย่างเท้าออกไปจากบ้านหลังนี้…
ฉันรู้ดีว่า ฉันจะไม่ใช่ขนุนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นเพียงแค่เศษต้นไม้ที่หักโค่นลงต้นหนึ่ง
... เท่านั้นเอง…
The end
(ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่เราเขียนไว้นานมากแล้ว น่าจะสมัยมอ ปลาย อาจจะขาดๆเกินๆ เอามาแชร์เผื่อใครอยากอ่าน ^^)
***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น