โศกนาฏกรรมรัก "เฮียร์-รัญจา"...เมื่อศักดิ์ศรี มีดีกว่าลูกสาว



Heer-Ranhja: A Folk Tale from Punjab


"เฮียร์-รัญจา" เป็นเรื่องเล่าต่อกันมายาวนานราวๆ 500ปีมาแล้ว เป็นนิทานพื้นบ้านของรัฐปัญจาบของอินเดีย ซึ่งใน ค.ศ.1946 ปัญจาบได้ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ปัญจาบตะวันออก(อยู่ในประเทศอินเดีย) และ ปัญจาบตะวันตก (อยู่ในประเทศปากีสถาน) ด้วยเหตุนี้เอง เฮียร์-รัญจา ก็เลยกลายเป็นนิทานของทางปากีสถานไปด้วย

กล่าวกันว่าเรื่องนี้ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างจริงจังมีด้วยกัน 2เวอร์ชัน โดยเวอร์ชัน ถูกเขียนโดย ดาโมดาร์ ดาส อโรรา (Damodar Das Arora) เป็นเรื่องราวความรักเรียบง่ายของชายหญิงที่ไม่ถูกยอมรับ ส่วนอีกเวอร์ชั่นนึงเขียนโดย วาริช ชาร์ (Waris Shah) เขียนราวๆ ค.ศ.1766 (ก็ประมาณ 200 กว่าปีแล้ว) เป็นการตีความเฮียร์-รัญจาในอีกรูปแบบที่ลึกซึ้งขึ้น และมีความเสียดสีขนบอยู่เบาๆ ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากๆเรียกได้ว่าเมื่อพูดถึงเฮียร์-รัญจา ก็ต้องคิดถึงเฮียคนนี้เลย

โดยเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นบริเวณเมืองชาง (Jhang) ใกล้แม่น้ำเชนาบ (Chenab) ที่ว่ากันว่าเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (ปัญจาบ>>ปัญจ= ห้า,อาบ =แม่น้ำ>> เป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง 5 บีอาส, เชนาบ, เญลัม, สุตเลจ, ราวี) ซึ่งเมืองชางที่ว่านี้เป็นเมืองที่ แม่นาง “เฮียร์”(Heer) แห่งตระกูล “สิยัล” (Siyal) นางเอกของเราอยู่นั่นเอง เพราะพ่อของนางนั้นมีตำแหน่งเป็นถึง ‘เจ้าเมือง’


ในส่วนของ “ดีดู รัญจา” (Deedu Ranja)หรือที่รู้จักในชื่อ “รัญจา” พระเอกของเราก็ไม่น้อยหน้า มีพ่อเป็นเจ้าเมืองเหมือนกัน ซึ่งเมืองนั้นคือ “ตะคัต ฮาซารา”(Takht Hazara) มีลูกอยู่ด้วยกันถึง 8 คน มีรัญจาเป็นลูกคนสุดท้องที่พ่อรักมาก พี่ๆแต่งงานกันไปหมดแล้วมีแค่รัญจาคนเดียวที่ยังไม่แต่งและนิสัยไม่เหมือนคนอื่นเข

ด้วยความที่บ้านเจ้าเมืองก็มีทีดินเยอะงานของลูกๆก็เลยเป็นการทำงานในไร่ไถนา แต่รัญจาเป็นคนที่มีความติสต์เป็นพิเศษ เขาไม่ชอบทำไร่ไถนา ไม่แม้แต่จะสนใจ เขาสนใจแต่เสียงดนตรี เขาชอบเป่า “ฟลุต” เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าไปไหนก็จะถือไปด้วย วันๆสนใจแต่จะเป่าฟลุต ฝึกฝนกับมันอย่างหนักเพื่อจะให้ชำนาญ และในที่สุดก็ทำได้จริงๆ จนว่ากันว่าเสียงเป่าฟลุตของเขาเพราะมากเวอร์จนขนาดนกกาก็เคลิบเคลิ้ม คนที่ได้ฟังก็จะเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด!

รัญจาก็เที่ยวไปเป่าฟลุตให้คนนู้นคนนี้ฟังตามที่ต่างๆ จนคนก็พากันรัก บวกกับหน้าตาหล่อเหลาก็ป๊อปปูลาร์มากๆ ซึ่งในขณะที่รัญจาไปทัวร์คอนเสิร์ตส่วนตัวนั้น อย่าลืมว่าบรรดาพี่ๆนี่ก็คือทำงานในไร่นาตรากตรำทนแดดฝน! แน่นอนว่าพี่ๆไม่พอใจแน่นอน เพราะเหมือนเอาเปรียบกันนี่หว่า! แต่ก็ได้แต่เตือนกันแบบซอล์ฟๆ เพราะว่ารู้กันอยู่ว่าเป็นลูกรักของพ่อ

แต่โชคดีของรัญจาก็ไม่ได้มีตลอดรอดฝั่ง เมื่อพ่อตาย ไม่มีใครคอยเข้าข้างแล้ว รัญจาก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวพี่ๆก็พากันกดดันให้รัญจามาทำงานในไร่นาซะบ้างอย่าเอาแต่ทำตัวสบายกินข้าวฟรี! แรกๆก็พยายามพูดดีอยู่หรอก แต่หลังๆด้วยความนิ่งเฉย ติสต์ของรัญจาทำให้รอยร้าวเหล่านั้นยิ่งลึกขึ้น จากการเตือน แนะนำก็เริ่มกลายเป็นการเสียดสี แดกดัน ดูถูก จนในที่สุดก็ตัดสินใจแบ่งที่ดินทำกินกันไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดกันแล้ว! แน่นอนพี่ๆไม่มีทางให้ที่ดินดีๆกับรัญจาที่ไม่เคยแม้แต่มาทำงานอยู่แล้ว เขาได้ที่ดินที่ห่วยที่สุด แห้งแล้งและกันดารสุดๆ

รัญจาที่ไม่เคยทำงานไร่นาเลย ก็พยายามทำงานอย่างหนักฟื้นฟูให้ที่ดินดีขึ้น แต่ก็นั่นแหละ คนมันไม่เคยทำจะรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง ในที่สุดรัญจาก็คิดว่าไม่น่ารอดแล้ว ทำต่อไปต้องอดตายแน่ๆ เลยตัดสินใจออกเดินทางแสวงหาโชคชะตาที่เป็นของเขาจริงๆ ประกอบกับช่วงนั้นบรรดาพี่สะใภ้ก็ชอบพูดเยาะเย้ยเขาถึงการมีคู่ ว่าถ้าแน่จริงก็ไปหาแม่นางเฮียร์ที่เมืองชางสิ(ชื่อเสียงเรื่องความงามของนางคือดังกันข้ามเมืองเลยทีเดียว) หน้าอย่างงี้คงไม่มีปัญญา! การตัดสินใจออกจากบ้านไปครั้งนี้ของรัญจาเลยเป็นเหมือนการตามหาเฮียร์ไปด้วย

รัญจาก็เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองชางที่เฮียร์อยู่ ระหว่างทางก็พยายามหาที่พักก็ไปจบที่โบสถ์ซิกข์แห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญมีสาวคนหนึ่งที่เคยพบรัญจาที่เมือง ตะคัต ฮาซารา(น่าจะเป็นตอนที่เขาทัวร์คอนเสิร์ตส่วนตัวอยู่) ก็เกิดการปิ๊งปั๊งรักแรกพบ กินไม่ได้นอนไม่หลับไปฟ้องแม่ว่าเป็นตายยังไงก็จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ พอแม่เห็นว่าลูกสาวโคม่าแล้วเลยต้องมาคุยกับรัญจาที่โบสถ์ซิกข์ว่าช่วยไปขอลูกสาวหน่อยเถอะ แน่นอนว่าพอเดาได้ รัญจาหนุ่มติสต์ผู้ไม่อยากผูกมัดกับใคร บวกกับมีเป้าหมายในใจอยู่แล้วย่อมไม่เล่นด้วยแน่ เขาเลยตัดปัญหาด้วยการไปจากที่นั่น มุ่งหน้าเดินทางต่อไป

รัญจาได้มาพักอยู่แถวแม่น้ำที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง เขาพยายามขอคนขับเรือขอโดยสารข้ามฟากแม่น้ำไปด้วย แต่เขาไม่มีเงินเลยการไปขออะไรใครง่ายๆจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เฮียเจ้าของเรือก็ไม่ให้อยู่แล้ว รัญจาก็สายแข็งจ้า ไม่ให้ไปใช่มั้ยได้ เดี๋ยวจะว่ายน้ำไปเองก็ได้! แล้วในที่สุดเฮียเจ้าของเรือก็ใจอ่อนให้เขาขึ้นเรือไปด้วยอย่างขอไปที

สายลม สายน้ำ แสงแดด บรรยากาศดีๆ ทำให้รัญจาผู้มีอารมณ์สุนทรีย์เป่าฟลุตคู่ใจอีกครั้ง เสียงฟลุตอันไพเราะเพราะพริ้งของเขาทำให้ทุกคนในเรือแฮปปี้กันมาก กลายเป็นว่าทุกคนเป็นมิตรกับรัญจากันหมด ทันใดในเขาก็เหลือบไปเห็นเตียงนอนหลังหนึ่งบนเรือ เลยถามว่าเตียงที่จะพาไปนี้เป็นของใครกัน โชคชะตาเหมือนกำลังเริ่มทำงาน คำตอบของเฮียเจ้าของเรือคือ เตียงหลังนี้เป็นของเฮียร์ สาวงามแห่งเมืองชางนั่นเอง

รัญจาเลยสวมบทเป็นพ่อหนุ่มผู้คลั่งรัก ขอนอนหลับบนเตียงหลังนั้น ที่เป็นของหญิงสาวที่เขาใฝ่ฝันถึง แม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่เจ้าของเรือก็ใจดีอีกแล้ว อนุญาตให้รัญจาได้ทำตามใจ จนกระทั่งถึงฝั่ง แม่นางเฮียร์ของเราก็ได้พบกับรัญจา(ในสถานการณ์แปลกๆหน่อย) เธอเห็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงของเธอ! แน่นอนว่าเธอโกรธเจ้าของเรือมาก ก็เลยโวยวายใหญ่

เสียงเอะอ่ะโวยวายทำให้รัญจาตื่น เขาพยายามเข้าไปช่วย ขอโทษและอธิบายเหตุผลให้เฮียร์ฟัง ครั้นพอคุยกันรู้เรื่อง รู้ว่ารัญจาไม่มีพันธะต้องเดินทางหาใคร เขาเพียงเดินทางตามหาโชคชะตาของเขา ด้วยความถูกชะตากันเธอจึงชวนให้รัญจาได้มาทำงานที่บ้านซึ่งตอนนี้กำลังหาคนงานอยู่พอดี

และแล้วรัญจาก็ได้เขามาทำงานเป็น ‘คนดูแลควาย’ ในบ้านของเฮียร์ ก็ทำงานขยันขันแข็งดี และทุกๆวันที่เขาต้องไปป่าและกลับมายังแม่น้ำ จะมีเฮียร์ตามไปด้วย ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ทั้งสองคนรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วว่าไม่ใช่แค่ความถูกชะตา เป็น “ความรัก” ที่มีให้กันอย่างไม่มีข้อแม้ เขามักจะเป่าฟลุตให้เฮียร์ฟังอยู่เสมอ บรรดาควายๆที่ได้ฟังก็พากันเสพติดความไพเราะในบทเพลงของรัญจามากเรียกได้ว่าเชื่องไปเลย

ครั้นเมื่อเวลานานไป เรื่องราวความสวีทของเฮียร์รัญจาก็กลายเป็นที่เมาท์กันสนุกปากทั้งเมือง “ลุง”ของเฮียร์ ผู้ที่ชอบแทงข้างหลังอยู่แล้ว(อาจหวังในอำนาจหน้าที่ของพ่อเฮียร์แน่ๆ)จึงพยายามสืบข่าวของทั้งสอง และไปฟ้องพ่อของเฮียร์ แต่จนแล้วจนรอดพ่อก็ไม่เชื่อลุงเลย

วันหนึ่งที่เฮียร์ทำขนมจากที่บ้านเตรียมเอาไปให้รัญจาในป่า ลุงก็เลยปลอมเป็นขอทานไปขอขนมแล้วเอามาฟ้องพ่อนาง ว่านี่ไงเห็นไหมนี่เป็นขนมที่ทำจากบ้าน เฮียร์จะเอาไปป่าทำไมถ้าไม่หารัญจา พ่อรู้อย่างนั้นก็โกรธมาก ก็เลยตัดสินใจไล่รัญจาออกจากบ้านไป!

เมื่อรักถูกกีดกันเบอร์นั้น เฮียร์ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนควายที่รัญจาเคยเลี้ยงพอไม่ได้ยินเสียงฟลุตอีกก็พากันล้มป่วยกันไปเลย! เธอจึงขอกับแม่ว่าให้รัญจากลับมาเถอะ ควายจะตายหมดแล้ว! แม่ก็เลยไปขอพ่ออีกที ก็เลยเป็นอันว่าเรียกให้รัญจากลับมาอีก แต่รอบนี้ก็แสดงตัวชัดเจนว่าพ่อแม่ไม่ปลื้มให้รักกับลูกสาวกีดกันเต็มที่นะ

แต่ก็ตามประสาความรักที่ “ยิ่งกีดกันก็ยิ่งแน่นแฟ้น” เฮียร์รัญจายังคงหาทางพบกันและพากันแอบสวีทกันในป่า ลุงก็ยังคงตามสืบตามฟ้องอยู่ แต่พ่อก็มั่นใจในมาตรการตัวเองก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งได้เห็นกับตาตัวเอง!

ถูกจับได้รอบนี้พ่อของเฮียร์โกรธมาก เลยจัดมาตรการขั้นเด็ดขาดคือจับแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกให้ ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าเมืองรังเปอร์ (Rungpur) ชื่อว่า “เสดา เคอร์รา”(Saeda Kherra) ส่วนรัญจาก็ใจพังหนักมาก สุดท้ายเลยไปเล่าความทุกข์ให้ ‘คุรุบอลนาต’(Guru Ball Nath-ผู้นำทางศาสนาของซิกข์) และขอเป็นศิษย์(ซึ่งก็มีฐานะเป็นนักบวช)

เมื่อแต่งงานเข้าบ้านของ เคอร์รา ลูกเจ้าเมืองรังเปอร์แล้ว เฮียร์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับน้องสาวของเขาชื่อว่า ‘เซติ’(Sehti) ซึ่งตอนนั้นเป็นเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจที่สุดแล้ว วันหนึ่งเซติก็ได้ไปเจอกับรัญจาที่อยู่ในมาดนักบวชเดินทางมาขออาหารอยู่แถวบ้าน ด้วยลักษณะที่แลดูโดดเด่นของรัญจาทำให้เซติกลับมาเล่าให้เฮียร์ฟัง แน่นอนว่ารักแท้ย่อมไม่แพ้อะไร เฮียร์ได้ฟังแล้วก็รู้ทันทีว่านักบวชคนนั้นคือรัญจา และเขากำลังวางแผนจะมาช่วยเธอหนีไป จึงตัดสินใจเล่าความจริงให้เซติฟังเพื่อจะให้ช่วยเธอ

เซติได้ฟังแล้วก็เข้าใจความรู้สึกดีเพราะเธอเองก็มีคนรักที่ทางบ้านกีดกันอยู่เหมือนกัน เลยพากันวางแผนให้เฮียร์ทำเป็นโดนงูกัด และเรียกนักบวช(รัญจา) มาที่บ้านและกันทุกคนออกจากบ้านไป และพากันขุดดินที่ติดกับกำแพงห้องเป็นโพรงขนาดใหญ่และหนีออกไป!
.
ครั้นเมื่อเคอร์รา (สามีของเฮียร์) รู้ว่าทั้งน้องและเมียหนีไปแล้วก็โกรธมากก็ไปตามกลับมา ในส่วนของน้องสาวและแฟนมีอูฐ ขี่หนีไปได้ แต่เฮียร์รัญจาหนีไม่พ้น ในที่สุดเคอร์ราก็ได้ตัวเฮียร์กลับไป รัญจาเสียใจมากจึงได้ไปร้องขอความยุติธรรมกับพระราชา ครั้นเมื่อได้สอบสวนกันเต็มที่แล้วแน่นอนว่าสามีที่ถูกต้องก็เป็นผู้ชนะคดีไป เฮียร์ต้องกลับไปอยู่กับเคอร์ราเหมือนเดิม!


รัญจารับไม่ได้กับความอยุติธรรมที่ได้รับแต่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วน้องจากร้องขอกับพระเจ้าให้พระองค์ช่วยเหลือ จนวันนั้นเมืองทั้งเมืองเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น! อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์นี้ทำให้พระราชาต้องตัดสินคดีใหม่และมอบเฮียร์คืนให้กับรัญจาไปในที่สุด! ซึ่งแม้ว่าทางเคอร์ราจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับไป

ทั้งเฮียร์และรัญจาต่างก็ดีใจมากที่ความรักจะไม่ถูกกีดกันแล้วจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองชาง บ้านเกิดของเฮียร์เพื่อจัดงานแต่งงาน ซึ่งคราวนี้พ่อกับแม่ของเฮียร์ต่างก็ไม่ขัดข้องและต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี พ่อของเธอได้บอกให้รัญจากลับไปเมืองตะคัต ฮาซารา บ้านเกิดตัวเองก่อนเพื่อเตรียมของมาสู่ขอลูกสาว ให้ฝากเฮียร์ไว้ทางนี้ ก็เป็นอันว่าตกลงกันตามนั้น

แต่บางครั้งเบี้องหลังรอยยิ้ม ก็เต็มไปด้วยความโหดร้าย ด้วยนิสัยของพ่อเฮียร์เป็นคนถือยศศักดิ์ เกียรติยศหนักมากอยู่แล้ว คงเป็นไปได้ยากที่จะเปลี่ยนความคิดของใครได้ง่ายๆ แน่นอนว่าเขารับไม่ได้ที่ลูกสาวของเขาทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสียขนาดนี้ ประกอบกับลุงที่มีนิสัยชอบเสี้ยมอยู่แล้ว ในที่สุดศักดิ์ศรีก็มาก่อนทุกอย่าง ตระกูลสิยัลตัดสินใจให้จบชีวิตของเฮียร์ด้วยยาพิษ!

ในทางรัญจาเมื่อกลับไปเมืองตะคัต ฮาซาราแล้ว ได้รู้ข่าววงในว่าตระกูลสิยัลจะให้ยาพิษเฮียร์ก็ตกใจหนักมาก รีบเดินทางไปช่วยเฮียร์ทันที…แต่คนอยู่ใกล้ย่อมได้เปรียบเสมอ รัญจามาช้าเกินไป ลุงของเธอได้นำขนมหวานผสมยาพิษให้เฮียร์กินไปเรียบร้อยแล้ว โดยลมหายใจสุดท้ายของเธอร้องเรียกหา รัญจา ชายคนที่เธอรัก หวังว่าจะได้พบเขาเป็นครั้งสุดท้าย…

เมื่อรัญจามาถึง เขาก็พบว่าหญิงสาวคนที่เขารักได้จากเขาไปแล้ว จึงตัดสินในหยิบขนมหวานผสมยาพิษจากมือของเธอขึ้นมากินและตายตามไป…ความรักและ การตายของเฮียร์และรัญจา จึงกลายเป็นเรื่องราวที่ตราตรึงใจของผู้คนมาหลายสมัย และมีการแต่งเพลงสำหรับเต้นเพื่อฉลองให้ความรักของทั้งสอง ที่งดงามเช่นเดียวกับ บทเพลงจากเสียงฟลุตของเขา..


The End



ปล. สิ่งที่จุดประกายให้เราได้รู้จักเรื่องนี้แล้วไปหาสืบอ่านต่อ มาจากการดูซีรีย์อินเดีย ‘แผนรักลวงใจ’ มีฉากนึงที่พระเอกนางเอกขึ้นไปแสดงละครเวทีเรื่องนึง(ซึ่งก็คือเรื่องนี้) เราว่าเรื่องมันน่าสนใจมาก เลยมาหาอ่านต่อ ซึ่งก็สนุกจริงๆ สำหรับใครที่อยากอ่านฉบับเต็ม(ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาปัญจาบีซึ่งเราอ่านไม่ออก) มีฉบับนึงที่เรียบเรียงใหม่เป็นอังกฤษแล้ว ใช้ชื่อว่าTHE ADVENTURES OF HIR AND RANJHA by Charles Frederick Usborne, http://casas.org.uk/papers/pdfpapers/hir.pdf

อ้างอิง
(1) pakistaniaat.org/index.php/pak/article/download/241/240
(2)http://www.lc.mahidol.ac.th/lcjournal/FullPaper/JLC36-2-Apirat-KW.pdf
(3)http://www.sikhiwiki.org/index.php/Heer_Ranjha
(4) http://blog.chughtaimuseum.com/?p=1497

ขอบคุณภาพจาก
http://blog.chughtaimuseum.com/?p=1497





***การเขียนอะไรสักอย่างนึง ต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะมาก ฝากติดตามด้วยน้าาา เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อ...ร่วมพูดคุย และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้ในเพจ
https://www.facebook.com/PanchaliWriter





ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม